จับแก๊งค้ายาเสพติด 3 คดีใหญ่ รวบ 11 ผตห. ของกลางมูลค่ามากกว่าร้อยล้าน
สกัดกั้นผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ 3 คดี ยึดของกลางหลายรายการร่วม 200 ล้านบาท ขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการทุกคดี รับหลังโควิด-19คลี่คลาย ลอบขนยาเสพติดตามแนวชายแดนเข้าพื้นที่ด้านใน สั่งสายตรวจเข้มตรวจค้นรถต้องสงสัยทุกคัน
พลตำรวจโท วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ผช.ผบ.ตร. ร่วมกับ พลตำรวจโท ชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด หรือ ผบช.ปส. แถลงผลการจับกุมและสกัดกั้นผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ 3คดี จับกุมผู้ต้องหารวม11คน ของกลางยาบ้า 1,486,000 ล้านเม็ด กัญชา 2,400 กิโลกรัม และเคตามีนน้ำหนัก 6 กิโลกรัม พร้อมทั้งยึดของกลางอีกหลายรายการมูลค่ารวม กว่า 189 ล้านบาท
พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวว่า คดีที่ 1 จับกุมจับกุมผู้ต้องหา 2 คน พร้อมของกลางกัญชาอัดแท่ง 400 กก. จับกุมได้ที่ถนนนิตโย หน้าไปรษณีย์สว่างแดนดิน จ.สกลนคร หลังชุดจับกุมสืบทราบข่าวว่าจะมีขบวนการลอบลำเลียงยาเสพติดจากนายทุนผู้ค้าผ่านชายแดน จ.นครพนม มาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ ก่อนวางแผนสกัดรถต้องสงสัยได้ เมื่อตรวจค้นพบกัญชาซุกซ่อนในกระสอบที่ห้องโดยสารรถตู้ จึงคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนขยายผลจับกุมต่อไป
คดีที่ 2 จับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 1.4 ล้านเม็ด จับกุมได้หน้าซอยทางเข้าหมู่บ้านแม่ปะดอย อ.เถิน จ.ลำปาง หลังสืบสวนขยายผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดได้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ยึดของกลางยาบ้ากว่า 4 ล้านเม็ด ยังพบว่ามีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคกลางซึ่งเกี่ยวข้องกับเครือข่ายที่ถูกจับไปแล้ว ได้ลำเลียงยาเสพติดโดยใช้รถเก๋ง 2 คัน กับรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุของกลาง เดินทางจากพื้นที่ภาคกลางขึ้นมาทางภาคเหนือ และขับตามกันขึ้นไปถึง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่รับยาเสพติด แล้วเดินทางกลับลงมา
เมื่อรถยนต์กระบะดังกล่าวขับไปถึงด่านตรวจวังดิน อ.ลี้ จ.ลำพูน ชุดจับกุมจึงเรียกตรวจรถยนต์กระบะดังกล่าว แต่ไม่ยอมหยุดรถและขับเบียดรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วหลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจัดกำลังค้นหาก่อนพบว่าถูกจอดซุกซ่อนอยู่ในซอยเข้าหมู่บ้านแม่ปะดอย อ.เถิน จ.ลำปาง จึงจัดกำลังซุ่มเฝ้าดู ก่อนจะพบรถยนต์เก๋งสีขาว ยี่ห้อโตโยต้า ยาริส ขับมาจอดมีนายทรงกลด เป็นคนขับ และนายชัยศรี นั่งมาด้วย ส่วน น.ส.รัชนก ลงไปเปิดรถกระบะ ชุดจับกุมจึงคุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้งหมด เมื่อตรวจค้นรถยนต์กระบะ พบยาบ้าของกลางกว่า 1.4 ล้านเม็ด ซุกซ่อนอยู่ใต้ที่นอนเก่าและสุ่มไก่เหล็กในกระบะ
คดีที่ 3 จับกุมผู้ต้องหา 6 คน พร้อมของกลางกัญชา 2,000 กิโลกรัม, เคตามีน 6 กิโลกรัม จับกุมได้ริมถนนสายหนองหาน-กุมภวาปี หมู่ 4 ต.หนองไผ่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ต่อเนื่องริมถนน หมู่ 7 ต.บ้านจืด อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี และพื้นที่หมู่ 5 ต.คอนสาย อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี หลังได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ตามแนวชายแดน จ.บึงกาฬ นำมาส่งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยจะใช้รถยนต์หลายคัน ชุดจับกุมจึงเฝ้าสังเกตการณ์ตามเส้นทางถนนระหว่าง อ.เซกา จ.บึงกาฬ และ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า มีตู้ทึบฝาปิดท้ายกระบะ และรถยนต์ ยี่ห้อมาสด้า กับรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ขับตามกันมาโดยทิ้งช่วงห่างเป็นระยะ ชุดจับกุมจึงสะกดรอยติดตาม กระทั่งมาถึงบริเวณถนนสาย อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ชุดจับกุมจึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้นรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า มีนายมงคล เป็นคนขับ พบกัญชาแห้งอัดแท่ง ภายในซุกซ่อนเคตามีนวางอยู่ในกระบะหลัง จึงติดตามรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า และรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ ซึ่งเป็นรถนำและดูต้นทางให้กับรถลำเลียงยาเสพติด ตรวจค้นรถยนต์ทั้ง 2 คัน ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จึงจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนขยายผลดำเนินคดีตามกฎหมาย
พลตำรวจโทชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยว่า ทุกคดีสั่งให้ขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการ ยอมรับว่าตั้งแต่ช่วงโควิดคลี่คลายมาตรการด่านตามแนวชายแดนเริ่มผ่อนคลาย คนร้ายมีการลักลอบขนยาเสพติดตามแนวชายแดนเข้ามาในพื้นที่ตอนใน เบื้องต้น ได้สั่งการให้ชุดสายตรวจเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจค้นรถต้องสงสัยทุกคัน