'เลือกตั้งสิงคโปร์ 63' ชัยชนะที่พรรครัฐบาล 'ไม่อาจวางใจ'

'เลือกตั้งสิงคโปร์ 63' ชัยชนะที่พรรครัฐบาล 'ไม่อาจวางใจ'

ถึงแม้พรรครัฐบาลสิงคโปร์ “พีเอพี” ชนะเลือกตั้งได้ตั้งรัฐบาลใหม่ตามคาด แต่การที่พรรคแรงงานฝ่ายค้านได้เสียงเพิ่มอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนถึง 10 ที่นั่ง ทำให้เป็นชัยชนะที่ดีใจได้ไม่สุดเสียงของฝั่งรัฐบาลซึ่งนำโดย "ลี เซียนลุง"

เว็บไซต์นิกเคอิรายงานผลการเลือกตั้งทั่วไปของสิงคโปร์ที่มีขึ้นในวันพฤหัสบดี (10 ก.ค.) พรรคกิจประชาชน (พีเอพี) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลสิงคโปร์ ชนะเลือกตั้งคว้า 83 จาก 93 ที่นั่ง บริหารประเทศอย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุดสู่ทศวรรษที่ 6 แต่เป็นชัยชนะที่ไม่อาจดีใจได้เต็มที่ เพราะพรรคได้คะแนนเสียงราว 61.2% ต่ำสุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์พรรค และต่ำกว่า 69.9% ที่เคยทำได้ในการเลือกตั้งปี 2558 อยู่มาก

“เราได้เสียงข้างมากชัดเจน แต่เปอร์เซ็นต์ของป๊อปปูลาร์โหวตที่ได้ยังไม่มากพอเท่าที่ผมหวังไว้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งหนุ่มสาวต้องการให้ฝ่ายค้านเข้าสภามากกว่านี้” นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุงแถลงหลังทราบผลการเลือกตั้งเมื่อเช้าตรู่วานนี้ (11 ก.ค.) พร้อมยอมรับว่า ผลการเลือกตั้งสะท้อนถึงความเจ็บปวดและไม่แน่นอนที่ชาวสิงคโปร์รู้สึกต่อวิกฤติโควิดและเศรษฐกิจ “นี่จึงไม่ใช่การเลือกตั้งที่ดีนัก”

ขณะที่ผู้สนับสนุนพรรคฝ่ายค้านต่างยินดีปรีดากับผลการเลือกตั้ง ถนนหลายสายในเขตฐานเสียงของพรรคแรงงาน บรรดาผู้สนับสนุนออกมาโบกธง เป่าแตร โห่ร้องแสดงความยินดีกันกึกก้อง

ลก โฮ เยือง นักเขียนเจ้าของผลงาน “เฟิร์สเวฟ” ที่กล่าวถึงประวัติศาสตร์พรรคเผยว่า ผลการเลือกตั้งเกินความคาดหมายว่าพรรคฝ่ายค้านใดจะทำได้ 

“ทั้งยังดูเหมือนผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้แสดงความไม่เห็นด้วย ที่พรรคพีเอพีจัดเลือกตั้งท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19”

ทั้งนี้ รัฐบาลใหม่ยังมีความท้าทายใหญ่หลวงรออยู่ข้างหน้า ตั้งแต่การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่ยังไม่จบสิ้นสร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้กับเศรษฐกิจ ไปจนถึงการเปลี่ยนผ่านผู้นำที่ทุกคนจับตา

ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า พรรคพีเอพีจะได้เสียงข้างมากเด็ดขาด หลังจากขยายเวลาลงคะแนนไป 2 ชั่วโมงจนเป็นที่ครหาและนับคะแนนอีกหลายชั่วโมง ผลการเลือกตั้งเป็นไปตามคาด แต่พรรคแรงงานฝ่ายค้านได้ถึง 10 ที่นั่ง มากที่สุดเท่าที่ฝ่ายค้านเคยทำได้นับตั้งแต่สิงคโปร์เป็นประเทศเอกราช

“พรรคฝ่ายค้านเป็นตัวเลือกที่เป็นจริงในตอนนี้ และผู้มีสิทธิเลือกตั้งก็เลือกอย่างนั้นจริงๆ” ยูจีน ตัน รองศาสตราจารย์ด้านกฎหมาย จากมหาวิทยาลัยการจัดการสิงคโปร์ให้ความเห็น

ด้านพริทัม ซิงห์ เลขาธิการพรรคแรงงาน เผยว่า พรรคของเขาแสดงให้เห็นว่าสามารถทำประโยชน์ให้สิงคโปร์ได้มากว่า และพรรคต้องทำงานหนักเพื่อประเทศ ผลการเลือกตั้งวันนี้ดีก็จริง แต่พรรคต้องไม่พอใจอยู่กับคะแนนแค่นี้ต้องลงมือทำงานหนักทันที

 

  • ประท้วงขยายเวลาเลือกตั้ง

สมาชิกพรรคฝ่ายค้านบางคนถึงกับประณามการตัดสินใจขยายเวลาเลือกตั้งไปจนถึง 22.00 น. เนื่องจากมาตรการเฝ้าระวังโควิด-19 ทำให้กระบวนการเลือกตั้งช้าลงกว่าเดิม พรรคประชาธิปไตยสิงคโปร์ พรรคฝ่ายค้านขนาดเล็กประท้วงความเคลื่อนไหวนี้ที่ถือว่าเป็นความผิดปกติอย่างมาก

ตัน เฉิงบ็อก หัวหน้าพรรคสิงคโปร์ก้าวหน้า (พีเอสพี) ที่ไม่ได้ ส.ส.เลยสักคน กล่าวว่า การขยายเวลาเป็นการลดทอนเกียรติภูมิการเลือกตั้ง แต่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า การขยายเวลาอาศัยอำนาจตามมาตรา 39(3) แห่งกฎหมายเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภา

หลังพ่ายแพ้ ตันกล่าวว่า ภูมิใจกับผลงานของพรรค และจะไม่ท้อถอย พรรคพีเอสพีเป็นพรรคที่ ลี เซียนหยาง น้องชายนายกฯ รัฐมนตรีเป็นสมาชิกด้วย

ตามระบบเลือกตั้งแบบใครได้เสียงข้างมากก่อนคนนั้นชนะของสิงคโปร์ พรรคที่ได้เสียงส่วนใหญ่ในเขตเลือกตั้งจะได้ครองทุกที่นั่งในเขตนั้น หนึ่งเขตเลือกตั้งมี ส.ส.ได้ 1-5 คน แล้วแต่พื้นที่และจำนวนประชากร

 

  • พีเอพีชูนโยบายสู้โควิด

การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคพีเอพีชูนโยบายพุ่งเป้าความกังวลต่อโควิด-19 ของประชาชน ประกาศว่าพรรคนำพาประเทศผ่านพ้นวิกฤติสำคัญมาหลายทศวรรษ ไวรัสตัวนี้ทำลายเศรษฐกิจประเทศที่พึ่งพาการค้าเป็นหลัก คาดกันว่า ปีนี้เศรษฐกิจสิงคโปร์หดตัว 4-7% กลายเป็นแรงกดดันให้กับพรรครัฐบาลที่มักได้คะแนนนิยมเพราะสร้างผลงานเศรษฐกิจแข็งแกร่ง

ตอนที่ นายกฯ ลีปราศรัยครั้งสุดท้ายเมื่อคืนวันพฤหัสบดีเขากล่าวถึงเศรษฐกิจของสิงคโปร์ด้วย 

"นักลงทุนผู้มีศักยภาพและคนอื่นๆ ต่างจับตาการเลือกตั้งของเราอย่างใกล้ชิด พวกเขาอยากรู้ว่าสิงคโปร์ยังคงรักษาความเฉียบคมเอาไว้ได้หรือไม่ โดยเฉพาะในช่วงเวลาวิกฤติวันหนึ่งการแพร่ระบาดและภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะสิ้นสุด เมื่อวันนั้นมาถึงเราต้องพร้อมออกเดินทางอีกครั้งให้สูงขึ้นเรื่อยๆ"

 

  • ฝ่ายค้านอัดรัฐบาลหลอกให้กลัวโควิด

กระนั้น พรรคฝ่ายค้านก็กล่าวหาว่า พรรคพีเอพีเสียสมาธิในการต่อสู้กับการแพร่ระบาด เดิมทีสิงคโปร์ได้รับการยกย่องว่าเป็นต้นแบบในการรับมือกับวิกฤติสาธารณสุขครั้งนี้ แต่ต่อมารัฐบาลถูกวิจารณ์ยับที่ไม่สามารถหยุดยั้งการติดเชื้อที่พุ่งขึ้นมากในกลุ่มบ้านพักแรงงานต่างด้าวที่อาศัยกันอย่างแออัด ส่งผลให้สิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อมากถึงกว่า 45,000 คน ทั้งๆ ที่ยอดผู้เสียชีวิตแค่ 26 คนเท่านั้น

บรรดาคู่แข่งของพรรคพีเอพีกล่าวหาว่า รัฐบาลนายกฯ ลีควรทำได้ดีกว่านี้ ป้องกันไม่ให้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก เศรษฐกิจไม่ดิ่งจนสร้างความเสียหายต่อการดำรงชีวิตของประชาชน

ซิลเวีย ลิม ประธานพรรคแรงงาน กล่าวว่า พรรคพีเอพีสร้างทัศนคติผิดๆ ที่ว่า สังคมเปิดและเป็นธรรมด้วยการให้เสรีภาพสื่อจะบ่อนทำลายความสามารถของรัฐบาลในการดำเนินการอย่างรวดเร็วและแข็งขัน

“โควิด-19 ชี้ให้เห็นว่า นี่เป็นกลวิธีสร้างความกลัวแบบผิดๆ นิวซีแลนด์ ไต้หวัน เดนมาร์ก ออสเตรเลีย ฟินแลนด์ และเกาหลีใต้ ต่างประสบความสำเร็จในการจัดการไวรัสโคโรนา หลายคนอาจโต้แย้งว่า พวกเขาไม่ได้ดีไปกว่าสิงคโปร์หรอก ก็สร้างความกลัวเหมือนกัน”

 

  • มาตรการเศรษฐกิจหนุนรัฐบาล

ขณะที่พรรคพีเอพีย้ำว่า พรรคเอาจริงกับการจ้างงานและสร้างโอกาสใหม่ๆ เห็นได้จากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินกว่า 9 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์

“เราอาจจะรักษาตำแหน่งงานของทุกคนไว้ไม่ได้ แต่เราจะช่วยเหลือแรงงานทุกคน คนที่ได้รับผลกระทบได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลไปเรียบร้อยแล้ว” ลีกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี

ถ้อยคำนี้ดูเหมือนได้ผล เมื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลับมาเชื่อใจพลังของพรรคการเมืองที่ครองประเทศมาตั้งแต่ได้เอกราชในปี 2508 อีกครั้ง นับจากนี้รัฐบาลพรรคพีเอพีจะบริหารประเทศไปอีก 5 ปี ภายใต้กรอบเวลานี้คาดว่านายกฯ ลีจะวางมือ เปิดทางให้รองนายกรัฐมนตรีเฮง สวีเกียต ขึ้นมาเป็นผู้นำ การเลือกตั้งรอบนี้ที่นักวิเคราะห์มองว่า เป็นการวัดคะแนนนิยมในตัวเฮงด้วย เขาชนะได้เสียงข้างมากมาเพียง 53% เท่านั้น

 

  • นักวิชาการเชื่อพีเอพีแรงไม่ตก

การยุบสภาจัดเลือกตั้งใหม่ก่อนหมดวาระถือเป็นเรื่องปกติ รัฐสภาสิงคโปร์ก็เช่นเดียวกันยุบก่อนหมดวาระในเดือน เม.ย.ปีหน้า อย่างไรก็ตาม พรรคพีเอพี เป็นพรรคที่ครองอำนาจยาวนานที่สุดในโลกพรรคหนึ่ง เช่นเดียวกับพรรคแรงงานของเกาหลีเหนือ และพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ลัม เผิง เออ นักวิจัยอาวุโส สถาบันเอเชียตะวันออกของสิงคโปร์กล่าวว่า พรรคการเมืองเด่นในเอเชียตะวันออก เช่น แอลดีพีของญี่ปุ่น ก๊กมินตั๋งของไต้หวัน และอัมโนของมาเลเซีย ล้วนตกจากอำนาจในช่วงที่ผ่านมา แต่ไม่ใช่พรรคพีเอพีของสิงคโปร์ เผลอๆ อาจอยู่ได้นานกว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนเสียด้วยซ้ำ

“เวลาเท่านั้นที่จะบอกได้” นักวิจัยรายนี้สรุป