หวั่น 'โควิด-19' ระบาดรอบใหม่ จุดพลุยอดขายประกัน 'TQM'
การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 ในประเทศไทย มีแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อเนื่อง จนนำมาสู่การปลดล็อกกิจกรรม กิจการต่างๆ ในเฟสที่ 5
บริษัท ห้างร้าน ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม กลับมาเปิดให้บริการเกือบหมดแล้ว หลังไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อใหม่ในประเทศมา 50 วัน (ณ วันนี้ 14 ก.ค.)
ถือว่า “ไทย” เป็นหนึ่งในประเทศอันดับต้นๆ ของโลก ที่สามารถควบคุม ป้องกันการระบาด และฟื้นตัวจากโควิด-19 ได้ดีที่สุดในโลก ซึ่งก็คงต้องยกความดีความชอบให้กับคนไทยทุกคน ที่ร่วมมือร่วมใจกัน ปฏิบัติตามคำแนะนำของสาธารณสุข
อย่างไรก็ตาม หลังจากใช้ชีวิตเป็นปกติกันได้ไม่นาน ก็เกิดความกังวลครั้งใหม่ขึ้น หลังมีรายงานจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ว่า พบผู้ป่วยต่างชาติใหม่ 2 ราย นอกสถานที่กักตัวของรัฐบาลเป็นครั้งแรก จนทำให้แตกตื่นกันไปทั้งประเทศ เพราะกลัวว่าอาจจะเกิดการระบาดรอบใหม่
โดยขณะนี้ทีมสอบสวนโรคและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เร่งลงพื้นที่เพื่อค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยกลุ่มนี้ รวมทั้งสั่งปิดสถานที่ต่างๆ ที่ผู้ป่วยทั้ง 2 รายเดินทางไป เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคให้แคบมากที่สุด
กระแสความหวั่นวิตกว่าอาจจะเกิดการระบาดรอบ 2 ในประเทศไทย กลายเป็นประเด็นบวกช่วยจุดพลุให้หุ้นบริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TQM โบรกเกอร์ประกันภัยรายใหญ่ของประเทศวิ่งแรงอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่มีข่าวออกมา (13 ก.ค.) ดันราคาหุ้นพุ่งขึ้นไปทำระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ที่ 145 บาท เพิ่มขึ้น 14.50 บาท หรือ 11.11% แต่มาวานนี้ (14 ก.ค.) เริ่มมีแรงทำกำไรสลับออกมา ปิดการซื้อขายที่ 137.50 บาท ลดลง 7.50 บาท หรือ 5.17%
เชื่อว่าหลังเกิดกรณีนี้น่าจะทำให้คนไทยตื่นตัวมากขึ้น หลังผ่อนคลายกันมาสักพัก หนุนยอดขายประกันโควิดกลับมาคึกคักอีกครั้ง ดังเช่นช่วงต้นปีที่มีการระบาดใหม่ๆ ส่งผลให้ประกันโควิดขายดีมาก โดยเฉพาะประกันแบบ “เจอ-จ่าย-จบ” เพราะโรคที่กำลังระบาดเป็นโรคอุบัติใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ยังไม่มียารักษา ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ดังนั้น ทุกคนอยากสร้างความอุ่นใจให้กับตัวเอง ซึ่งประกันโควิดตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
โดย TQM ถือว่าเป็นเบอร์ 1 ในธุรกิจนายหน้าประกันภัยของประเทศ มีการจับมือเป็นพันธมิตรกับบริษัทประกันภัยต่างๆ มากมาย มีสินค้าที่ครบครันหลากหลายให้ผู้บริโภคได้เลือกช้อปกันตามใจชอบ รวมทั้งยังเป็นผู้นำในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขาย จากเดิมที่เน้นขายผ่านตัวแทน ไปสู่การขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างจริงจัง ทั้งไลน์, เฟสบุ๊ค, เว็บไซต์ของบริษัท
ซึ่งปรากฏว่าได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก เนื่องจากสอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่นิยมท่องโลกออนไลน์ ใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลกันมากขึ้น และถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลัดดันยอดขายประกันโควิดของบริษัทพุ่งกระฉูดทะลุ 1 ล้านกรรมธรรม์ ได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาแค่ราวๆ 2 เดือนเท่านั้น นับตั้งแต่เริ่มขายประกันโควิดเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา
โดยยอดขายกว่า 80% มาจากการขายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งมีต้นทุนที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับการขายผ่านตัวแทน หนุนมาร์จิ้นเพิ่มขึ้นเป็นกอบเป็นกำ สะท้อนจากงบฯ ไตรมาส 1 ปี 2563 ของบริษัทที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด มีรายได้จากค่าบริการ 814.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156.70 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 23.80% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 657.30 ล้านบาท
กำไรขั้นต้นพุ่งปรี๊ดจากยอดขายออนไลน์ 406.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 104.50 ล้านบาท หรือ 34.60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 302.10 ล้านบาท หนุนให้กำไรบรรทัดสุดท้ายเติบโตอย่างก้าวกระโดดแตะ 179.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72.80 ล้านบาท หรือ เติบโตถึง 68.30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนถ้ามองต่อมาถึงไตรมาส 2 ดูแล้วยังไปได้สวย จากอานิสงส์ของประกันโควิดที่ยังโตดี แถมพ่วงผลิตภัณฑ์ใหม่ประกันตามฤดูกาล เช่น ไข้หวัดใหญ่, ไข้เลือดออก ที่มักระบาดหนักในช่วงฤดูฝนดูตอบโจทย์ได้ดี และยิ่งมาเกิดกระแสตื่นโควิดรอบใหม่นี้ ยิ่งกระตุ้นตลาดให้คึกคักขึ้นไปอีก
ดังนั้น เป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ 1.5 หมื่นล้านบาท นั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพราะก่อนหน้านี้ผู้บริหารออกมาส่งสัญญาณแล้วว่า กลางปีนี้เตรียมจะปรับทบทวนเป้ายอดขายใหม่อีกครั้ง หลังไตรมาสแรกทะลุ 4 พันล้านบาทไปแล้ว
ธุรกิจประกันยังมีโอกาสเติบโตอีกเยอะ เพราะจำนวนผู้ที่ทำประกันในไทยยังน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศ ส่วนบริษัทเองยังมีแผนขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ๆ ในกลุ่มซีแอลเอ็มวี โดยจับมือกับพันธมิตรท้องถิ่นเป็นอีกหนึ่งโอกาสทางธุรกิจ
ส่วนถ้าถามถึงโอกาสการลงทุนในหุ้น TQM เป็นอย่างไร? ซาวด์เช็คจากนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แล้วมองคล้ายๆ กันว่า พื้นฐานดี ยังมีช่องว่างทางธุรกิจและโอกาสให้เติบโตอีกมาก แต่ราคาหุ้นขึ้นมารับข่าวมากแล้ว ดังนั้น โอกาสที่จะไปต่อได้แรงๆ ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ ยิ่งเซอร์ไพรส์ออกมาดีเกินคาด ราคาจะยิ่งวิ่งแรง ส่วนอีกปัจจัยที่จะช่วยดันราคาหุ้น คือ ความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดรอบใหม่