4 แกนนำม็อบเยาวชน ลุยต่อ โต้ปม “ม็อบมุ้งมิ้ง” ปราศรัยหน้ากองทัพ โจมตีอดีตรองโฆษก ทบ.หลังโพสต์เฟซฯ-งบกองทัพ-คุกคามปชช. ด้าน ผบ.ทบ. ยกเลิกแถลงปมม็อบ หลังทีมประเมินเกรงขยายผล
โดยการนัดชุมนุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากกรณีที่ พ.อ.หญิง นุสรา วรภัทราทร นายทหารประจำกรมยุทธการทหารบก ซึ่งเป็นอดีตรองโฆษกกองทัพบก โพสต์แสดงความเห็นในเฟซบุ๊คเกี่ยวกับการชุมนุมเมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยว่าเป็นม็อบมุ้งมิ้ง รวมถึงกรณีการใช้งบประมาณของกองทัพบกในการจัดซื้อเครื่องบินวีไอพี และการใช้กฎหมายคุกคามประชาชนโดยมีมวลชนส่วนหนึ่งชูกล้วยและป้ายระบุข้อความว่า “หยุดซื้อเรือ เครื่องบิน เพื่อปากท้องประชาชน” , “ทหารคือรั้ว อย่ามั่วเป็นเจ้าของบ้าน”, “ทหารมีไว้ทำไม”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยนั้น มีตำรวจควบคุมฝูงชนนครบาล 1 จำนวน 1 หมวด เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.นางเลิ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนนอกเครื่องแบบประมาณ 20 นาย พร้อมรถเครื่องขยายเสียง และเจ้าหน้าที่หน่วยข่าว ประมาณ 20 นาย คอยทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารบก กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ได้ปิดประตูทางเข้าด้านหน้าในเวลา 17.00 น.
ตร.แจ้งข้อกฎหมายปรามม็อบ
ทั้งนี้ ก่อนที่แกนนำจะเริ่มทำกิจกรรม ตำรวจสน.นางเลิ้งได้อ่านประกาศและข้อกำหนดโทษที่ออกตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินในช่วงที่มีการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 พ.ร.บ.ควบคุมโรค และพ.ร.บ.การจราจร ผ่านรถเครื่องขยายเสียงโดยมีการจอดรถหันลำโพงไปที่กลุ่มผู้ชุมนุม แต่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ไม่ได้สนใจ
จากนั้นนายภาณุพงษ์ ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ม็อบเราไม่ใช่ม็อบมุ้งมิ้ง เวลาเราทำกิจกรรมจะมีเจ้าหน้าที่แต่งกายคล้ายทหารไปหาที่บ้าน ถ่ายรูปครอบครัวและขอเบอร์โทรคนที่บ้าน สิ่งเหล่านี้คือการคุกคามประชาชนหรือไม่ ขอให้ช่วยแยกแยะอำนาจกับสิทธิเสรีภาพประชาชนด้วย ทั้งนี้ผู้นำควรรับฟังเสียงประชาชน ทั้งผู้เห็นด้วยและผู้เห็นต่าง
ทบ.ปิดประตูป้องกันทุกด้าน
ขณะที่การดูแลรักษาความปลอดภัยด้านหน้ากองบัญชาการกองทัพบก(บก.ทบ. )หลังจากการนัดชุมนุม เจ้าหน้าที่ทหารได้ปิดประตูรั้วด้านหน้า บก.ทบ.ทั้งหมด ส่วนพื้นที่ด้านหน้า ตำรวจ สน. นางเลิ้ง ได้เริ่มมาดูแลความเรียบร้อย ทั้งนี้ด้านนอกบริเวณรั้วบก.ทบ.ได้มีการขึงสแลนตั้งแต่บริเวณข้างกำแพงติดกับยูเอ็นจนถึงโรงเรียนแผนที่ทหารไว้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากซ่อมรั้วและทาสี โดยตำรวจขอให้ผู้ชุมนุมอยู่บริเวณพื้นที่เกาะกลางถนน ไม่ให้ข้ามมาฝั่งริมรั้ว ทบ.เพื่อไม่ให้กีดขวางทางจราจร แต่ไม่เป็นผล
ผบ.ทบ.ยกเลิกแถลงชี้แจง
ขณะที่ในช่วงเช้าวันเดียวกัน ทีมประชาสัมพันธ์กองทัพบก (ทบ.)ได้แจ้งกับสื่อมวลชนว่า พล.อ.อภิรัชต์ ผบ.ทบ. จะแถลงข่าวในเวลา 10.30 น.ภายในกองบัญชาการกองทัพบก หลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องม็อบกลุ่มเยาวชนปลดแอก–Free YOUTH และ สนท. แต่ต่อมาได้แจ้งว่า อาจมีการเปลี่ยนแปลง ขอให้รอแจ้งอีกครั้งหนึ่ง
จากนั้นพล.อ.อภิรัชต์ ได้สั่งการ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก ทบ. และพ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก ทบ.ร่วมกันแถลงข่าว หลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก เพื่อติดตามสถานการณ์ประจำวัน แทน โดยเฉพาะประเด็นการเตรียมความพร้อมรับทหารกองร้อยทหารราบของกองทัพบกไทย (ร้อย.ร.ไทย) RTA Combat Team 151 นาย สังกัดกองทัพภาคที่ 2 ที่จะเดินทางกลับจากรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา ภายหลังจากการฝึกร่วม Lightning Forge 2020 หรือ LF20 ในวันที่ 22 ก.ค.นี้
รวมถึงกรณีม็อบเยาวชนและ สนท. ทั้งนี้การที่พล.อ.อภิรัชต์ สั่งการให้ทีมโฆษก ทบ.แถลงข่าวแทนนั้น เพราะคาดว่าหากออกมาพูดเอง เกรงว่าจะเป็นการปลุกกระแสม็อบที่จะมาชุมนุมด้านหน้าบก.ทบ.ในช่วงเย็นเพิ่มขึ้น
“กลุ่มนวชีวิน”อดข้าวประท้วง
เช้าวันเดียวกันนี้ ตัวแทนแนวร่วมนวชีวิน New Life Network นำโดย นายภูมิวัฒน์ แรงกสิวิทย์ พร้อม น.ส.ศิรัญญา ทองเชื้อ เดินทางมาทำกิจกรรมอดข้าวประท้วงการบริหารงานของรัฐบาล ซึ่งตามเดิมนัดปักหลักนั่งอดข้าวบริเวณประตู 3 ทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก แต่เกิดฝนตก จึงหลบในบริเวณป้ายรถประจำทางฝั่งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ โดยมีกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบสังเกตการณ์ ขณะเดียวกันมี นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นักเคลื่อนไหวทางการเมืองเดินทางมาให้กำลังใจ
นายภูมิวัฒน์ อ่านแถลงการณ์ เรียกร้อง 3 ประเด็น 1.รัฐบาลจะต้องแก้ไขปัญหาปากท้องและสวัสดิการที่ถดถอยของทุกคนทันที 2.ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีมาตรการรองรับ และช่วยเหลือผู้ที่ตกงานในขณะนี้ ซึ่งมีเป็นจำนวนมากและจะมากขึ้นไปอีก 3.ให้ทบทวนและตรวจสอบนโยบายการบริหารของรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยให้ภาคประชาชนและฝ่ายต่อต้านรัฐบาลมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ
โดยระหว่างที่นายภูมิวัฒน์ได้เดินทางมานั่งบริเวณประตู 3 ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังฝนหยุดตก นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมารับหนังสือพร้อมเชิญไปเจรจาหาทางออกในห้องที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำหรับการปักหลักอดอาหารประท้วงในครั้งนี้ นายภูมิวัฒน์ ได้เตรียมกระเป๋าสัมภาระมา 2 ใบ
โฆษกทบ.แจง ‘ผู้พันเจี๊ยบ’โพสต์ส่วนตัว
เวลา 12.45 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ศปก.ทบ.) ถึงกรณีที่พ.อ.หญิง นุสรา วรภัทราทร หรือผู้พันเจี๊ยบ แสดงความเห็นในเฟซบุ๊ค “Nusra Vorapatratorn”ว่า เป็นการแสดงความคิดเห็นลักษณะส่วนบุคคล ในฐานะประชาชนในสังคมไทย ซึ่งปัจจุบันพ.อ.หญิง นุสรา ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่รองโฆษกกองทัพบกแล้ว สำหรับเนื้อหาที่โพสต์ แม้อาจไม่เข้าข่ายผิดกฎหมาย หรือสร้างความเสียหายให้กับสังคมหรือประเทศชาติก็ตาม แต่อาจทำให้บางบุคคลบางกลุ่มไม่สบายใจ โดยเฉพาะการพยายามนำไปเชื่อมโยงกับตัวองค์กรหน่วยงาน ซึ่งทางพ.อ.หญิง นุสรา ได้ตัดสินใจลบโพสต์ไปแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกบางบุคคลนำไปใช้ขยายผลในแง่มุมต่างๆ รวมถึงไม่ต้องการให้มีการโพสต์ข้อความ หรือภาพที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดพ.ร.บ.คอมฯ ในเฟซบุ๊คส่วนตัวของตนเอง จึงให้สังคมได้พิจารณาจากข้อเท็จจริงว่า เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคลเท่านั้น
“ขอวอนสังคมอย่าเชื่อมโยงประเด็นนี้กับองค์กร เนื่องจากในระยะหลังพบว่า มีบางกลุ่มบางบุคคลพยายามแสดงความเห็นต่อกองทัพบก รวมถึงผู้บังคับบัญชาในลักษณะเชิงอคติและไม่เป็นธรรม เช่น กรณีข่าวใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่มีการโพสต์แสดงความคิดเห็นทำนองชี้นำปั่นกระแสให้เกิดภาพลบต่อผู้บังคับบัญชา และองค์กรในช่วงระยะนี้จึงขอให้สังคมได้ใช้วิจารณญาณในการบริโภคข่าวสารให้มากขึ้น” พ.อ.วินธัย กล่าว
เมื่อถามว่า ทางต้นสังกัดได้ตักเตือน หรือลงโทษทางวินัยกับผู้พันเจี๊ยบหรือไม่ เพราะกองทัพบก ห้ามไม่ให้กำลังพลวิจารณ์เรื่องการเมือง พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ต้องพิจารณาใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1. ผิดกฎหมายหรือไม่ 2.กระทบต่อสังคมและประเทศชาติหรือไม่ และ3.กระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กรหรือไม่ หากพิจารณาในเนื้อหาของโพสต์จะเห็นได้ว่า เป็นการแสดงความห่วงใยในฐานะผู้ใหญ่ ซึ่งคนในสังคมก็มีการแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว
เมื่อถามว่า ต่อไปนี้ทหารในกองทัพทุกคน สามารถโพสต์แสดงความคิดเห็นเรื่องการชุมนุมได้ทุกคนหรือไม่ พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ไม่ได้หมายความว่า ทุกคนจะสามารถโพสต์อะไรได้ ต้องพิจารณาเป็นรายบุคคลไป หากการโพสต์ของ ผู้พันเจี๊ยบผิดกฎหมาย เจ้าตัวก็ต้องรับผิด
เมื่อถามว่า เข้าข่ายข้อ 3 กระทบต่อภาพลักษณ์กองทัพบกหรือไม่ เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศจะมารวมตัวกันที่หน้าบก.ทบ. พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่า จะมากันหรือไม่
เมื่อถามย้ำว่า กลุ่มผู้ชุมนุมมาแน่นอน พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่า มีการชุมนุมของกลุ่มต่างๆตลอด
เมื่อถามว่า แม้ไม่มีกรณีผู้พันเจี๊ยบมองว่า ม็อบก็ต้องหาเงื่อนไขมาชุมนุมที่หน้ากองทัพบกอยู่แล้ว ใช่หรือไม่ พ.อ. วินธัย กล่าวว่า ไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น เพียงแต่การชุมนุมเกิดขึ้นอยู่แล้วในช่วงที่ผ่านมา
“กองทัพบกไม่ได้ห้ามให้กำลังพลโพสต์แสดงความคิดเห็นในเชิงที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ การไปห้ามเท่ากับไปทำให้เขาเสียสิทธิในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่งหรือไม่” พ.อ. วินธัย กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า การโพสต์ของผู้พันเจี๊ยบเป็นการแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ใช่หรือไม่ พ.อ. วินธัย กล่าวว่า ไม่ได้มองเช่นนั้น
ถก3กฎหมายเอาผิดม็อบนศ.
หลังการประชุมแนวทางพิจารณาการดำเนินคดีกับทางกลุ่มผู้ชุมนุม “เยาวชนปลดแอก” และสนท.ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันเสาร์ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา ล่าสุดพล.ต.ท. ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เปิดเผยผว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนจะมีการออกหมายเรียกแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาสอบสวนหรือไม่ อยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ยังไม่สามารถระบุหรือชี้ชัดได้ว่ามีผู้ใดเข้าข่ายความผิดหรือไม่ แต่การพิจารณาความผิดจะอยู่ภายใต้กฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อและพ.ร.บ.การจราจรทางบก ทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน
ยืนยันว่า ที่ผ่านมาตำรวจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ทั้งการข่าว การจราจร และการดูแลความสงบ โดยการชุมนุมที่ผ่านมาตำรวจไม่ได้ประเมินสถานการณ์ต่ำ พร้อมฝากไปยังกลุ่มชุมนุม ขอให้คำนึงความเดือดร้อนของประชาชน ส่วนกรณีที่ผู้ชุมนุมยื่นข้อเสนอ ให้นายกรัฐมนตรี ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องภายใน2 สัปดาห์ หากไม่ปฏิบัติตาม จะมีการยกระดับการชุมนุมนั้น ทางตำรวจได้เตรียมกำลังดูแลความสงบไว้อยู่แล้ว
ด้านพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝากเตือนไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมว่าหากออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองจะต้องศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนเพราะอาจส่งผลให้อาจถูกดำเนินคดีได้ในอนาคต ส่วนการนัดชุมนุมที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบกยอมรับว่าเป็นห่วงเรื่องบุคคลที่ 3 ที่อาจมาสร้างสถานการณ์ ยืนยันว่าตำรวจไม่ได้มีความขัดแย้งกับกลุ่มผู้ชุมนุมเพียงแต่เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ในการดูแลความเรียบร้อย