ตั้ง กมธ. ถก 'ม็อบนศ.' ฝ่ายค้านขวาง - คุยปรองดองเห็นพ้องนิรโทษไม่ใช่ทางออก

ตั้ง กมธ.วิสามัญ ถกม็อบนักศึกษา ฝ่ายค้านรุมขวาง ตั้งเงื่อนไขจี้นายกฯรับฟังความเห็นโดยตรง ด้าน “อนุกมธ.” เรียกแกนนำสีเสื้อถกปรองดอง เห็นพ้อง “นิรโทษกรรม” ไม่ใช่ทางออก ขณะที่ “บิ๊กแดง” ไฟเขียวเปิดทบ.รับฟังความเห็น “สาธิต เซกัล”

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่ออภิปรายญัตติขอให้สภาผู้แทนราษฎร พิจารณารับฟังความคิดเห็นของนักเรียน นิสิต และนักศึกษา เป็นวันที่สอง โดยที่ประชุมมีมติ 261 ต่อ 177 คะแนนไม่เห็นด้วยกับส่งเรื่องการชุมนุมของนักศึกษาไปให้รัฐบาลพิจารณาต่อ แต่มีมติเสียงข้างมาก 260 ต่อ 178 คะแนนให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ(กมธ.) จำนวน 39 คน ระยะเวลาทำงาน 90 วันแทน

ขณะที่บรรยากาศการอภิปรายสมาชิกซีกฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยกับการตั้งกมธ.เนื่องจากต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นผู้รับฟังความเห็นโดยตรง

โดยนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า การที่ฝ่ายค้านเสนอให้นายกรัฐมนตรีรับฟังความคิดเห็นโดยตรงนั้น เพื่อให้ทันสถานการณ์ และเห็นว่าการตั้งกมธ.วิสามัญจะเพิ่มขั้นตอนการรับฟัง อีกทั้งเป็นการทำงานซ้ำซ้อนกับคณะกมธ.สามัญ รวมทั้งยังเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ ทั้งนี้ การกมธ.จะรับฟังเพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกมธ.

ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า พรรคไม่ขอส่งสมาชิกเข้าร่วมคณะกมธ. เพราะข้อเรียกร้องของนักศึกษาส่งสัญญาณชัดเจนไปยังนายก ไม่ใช่สภาฯ และคิดว่าการตั้งกมธ.เป็นการประวิงเวลา จึงขอเรียกร้องนายกไปฟังข้อเรียกร้อง อีกทั้งสิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน ไม่ควรจำกัดอยู่แค่ในสภา และในวงจำกัด 90 วัน ดังนั้น ขอให้นายกไปรับฟังความคิดเห็นบนท้องถนน

นิรโทษฯไม่ใช่คำตอบปรองดอง

ขณะที่การประชุมคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการปฏิรูปทบทวนและแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ในกมธ.กฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้ที่มีความเห็นต่างทางการเมืองมาให้ข้อเสนอแนะต่อคณะอนุกรรมาธิการ และผู้ที่เคยทำการศึกษาวิจัยการสร้างความปรองดองของคนในชาติ

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการฯ แถลงว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปว่าบ้านเมืองเกิดวิกฤติเศรษฐกิจหลังไวรัสโควิด-19 จึงจำเป็นต้องหลอมรวมทุกภาคส่วนให้มีความรักสามัคคีกัน ซึ่งปัจจัยเรื่องเวลาเป็นสิ่งสำคัญในการเยียวยาความขัดแย้ง โดยในอดีตมาเป็นเวลามากกว่า 15 ปี ซึ่งทุกฝ่ายได้ตกผลึกทางความคิดว่าความเห็นต่างทางการเมืองไม่ใช่สิ่งสำคัญในการสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง ไม่ใช่การต่อรองสมานฉันท์ หรือนิรโทษกรรมเพียงอย่างเดียว

แต่สิ่งที่คณะกรรมาธิการจะต้องดำเนินการหลังจากนี้คือต้องทำความเข้าใจกับภาคส่วนต่างๆ พร้อมย้ำว่าการสร้างความปรองดองไม่เพียงแค่ข้อเสนอการตรากฎหมายนิรโทษกรรมแต่ยังมีข้อเสนอที่ต่างเห็นพ้องกันในหลักคิดเรื่อง การขอโทษต่อสังคม ให้อภัย ให้เกียรติและการเยียวยา ที่ต้องดำเนินการคู่ขนานกันในการลดความขัดแย้ง โดยจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมกมธ.กฎหมาย ฯ เพื่อพิจารณารายงานสรุปส่งไปยังรัฐบาลดำเนินการต่อไป

“จตุพร”จี้ยุติความขัดแย้งใหม่-เก่า

ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. หนึ่งผู้เข้าร่วมหารือในคณะอนุกรรมาธิการ ได้ยกตัวอย่างว่า กรณีความขัดแย้งระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์ของประเทศไทยและรัฐบาลในขณะนั้น จนมาถึงการออกนโยบาย 66/2523 ก็ใช้เวลาถึง 15 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับความขัดแย้งในปัจจุบันที่เกิดขึ้นมาแล้ว15 ปี เช่นกัน ดังนั้น จึงยืนยันว่าเวลาจะช่วยเยียวยาให้ความขัดแย้งคลี่คลายลงได้ อีกทั้งยังมองว่าบริบทของความขัดแย้งในปัจจุบัน แตกต่างจากอดีตและมีความน่าเป็นห่วง เพราะเป็นการขัดแย้งท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ประชาชนประสบความอดยากมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ดังนั้น จึงต้องพยายามยุติความขัดแย้งใหม่และแก้ไขความขัดแย้งเก่าไม่เช่นนั้นความขัดแย้งก็จะเกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆทุกฝ่ายก็จะมีแต่ความสูญเสียทั้งร่างกายและอิสรภาพในการแก้ปัญหาความขัดแย้งต้องไม่ตั้งคำถามว่าใครจะตายหรือติดคุกมากกว่ากันแต่ต้องเชื้อว่าในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองต้องไม่มีคนตายและติดคุกแม้แต่คนเดียว

นอกจากนี้ยังไม่เชื่อถือของสังคมในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ซึ่งเห็นได้จากตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ใครพูดว่าจะสร้างความปรองดองสมานฉันท์ก็จะถูกประณามว่าเป็นคนหลอกลวง

“ธนาธร” เสนอแก้รัฐธรรมนูญ

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีที่อนุกรรมาธิการศึกษาการปฏิรูปฯ เชิญแกนนำ กลุ่มต่างๆวางแนวทางสร้างความปรองดองว่า หลักการสำคัญของการสร้างความปรองดอง คือ การคืนความยุติธรรมให้ทุกฝ่าย

“สิ่งสำคัญอยู่ที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่กำลังเป็นระเบิดเวลา ถ้ายังไม่แก้ไข ไม่ยอมรับความจริง อาจจะเกิดสิ่งที่ทุกคนไม่อยากเห็น คือ ความรุนแรง วิธีหลีกเลี่ยงมีเพียงวิธีเดียว คือ การกลับเข้ามาหาข้อตกลงร่วมกันใหม่ในการอยู่ร่วมกันในสังคม โดยที่ทุกฝ่ายยอมรับ ส่วนเรื่องแพ้ชนะให้ไปคุยในสภา”นายธนาธร กล่าว

ส่วนที่รัฐบาลพยายามอ้างว่ามีการตั้งกมธ.ศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่แล้วนั้น นายธนาธร กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่ากมธ.ชุดนี้มีความจริงใจอย่างไร ที่ผ่านมาก็สนับสนุนรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาตลอด ทำให้ขณะนี้ยังไม่เห็นความพยายามของฝ่ายรัฐบาลที่จะถอยจุดยืนของตัวเอง ขณะที่การนิรโทษกรรมมองว่า ยังมีคนหลายคนที่ยังเจ็บอยู่จากความไม่เป็นธรรมที่ผ่านมา โดยเฉพาะคนที่ไม่ใช่แกนนำ หลายคนยังอยู่ในเรือนจำ ดังนั้น การคืนความเป็นธรรมให้คนเหล่านี้ ถือเป็นการปลดล็อก ความแค้นเคือง ความโกรธ กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาได้

เปิดทบ.รับ“สาธิต เซกัล”

จากกรณี นายสาธิต เซกัล นักธุรกิจชาวอินเดียที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมากว่า 70 ปี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว โดยระบุ เตรียมเดินทางมาพบ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก เวลา 13.00 น. ในวันที่ 24 ก.ค. นี้ พร้อมมวลชนที่สนับสนุน เพื่อหารือ เรื่องการดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเบื้องต้นทางสำนักงานเลขานุการ กองทัพบก ได้มอบหมายให้หัวหน้าแผนกกองประชาสัมพันธ์ให้การต้อนรับและรับมอบหนังสือร้องเรียน บริเวณหน้ากองบัญชาการกองทัพบก

ในขณะที่ พล.อ.อภิรัชต์ อยู่ระหว่างการพิจารณาว่า จะให้ส่งตัวแทนเข้าพบ หรือ ให้ยื่นหนังสือผ่านผู้แทนสำนักงานเลขานุการ กองทัพบก เนื่องจากมีมวลชนเดินทางมาร่วมด้วยจำนวนหนึ่ง แม้ในพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะไม่ห้ามเรื่องการห้ามชุมนุมเกิน 5 คนขึ้นไป แต่ก็ถือว่ายังมีความผิดตาม พรบ.ควบคุมโรค อีกทั้งกังวลว่าจะกลายเป็นเงื่อนไขให้กลุ่มผู้ชุมนุมนำไปขยายผลต่อไป