'คุกมีไว้ขังคนจน' วลีที่ยังใช้ได้ซ้ำๆ
กรณี “บอส อยู่วิทยา” ทายาทผู้บริหารเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อดัง ที่หลุดพ้นจากคดีขับรถยนต์หรูชนตำรวจเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ กลายเป็นสิ่งที่สังคมตั้งคำถามถึงกระบวนการยุติธรรมและกฎหมายไทย รวมถึงตอกย้ำประโยคสุดคลาสสิกที่ว่า "คุกมีไว้ขังคนจน" จริงๆ
กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสังคมไทยวันนี้ หลังอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ “บอส อยู่วิทยา” ทายาทผู้บริหารเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อดัง ตระกูลมหาเศรษฐีชั้นนำของไทย ในคดีขับรถยนต์หรูชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 3 ก.ย.2555 และเตรียมถอนหมายจับในทุกคดี ปิดฉากการหนีคดีกว่า 8 ปี เป็นการตอกย้ำซ้ำๆ กับประโยคสุดคลาสสิกของไทยที่ว่า “คุกมีไว้ขังคนจน” จริงๆ
รายงานข่าวระบุถึงหนังสือจาก พ.ต.ท.ธนาวุฒิ สงวนสุข รองผู้กำกับการสอบสวน ปฏิบัติราชการแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ลงวันที่ 18 มิ.ย.2563 แจ้งคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีตามคดีอาญาระหว่าง พ.ต.ท.วีรดล ทับทิมดี ผู้กล่าวหา นายวรายุทธ อยู่วิทยา ผู้ต้องหาที่ 1 และ ดต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 เพื่อพิจารณาแล้วนั้น อัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้วมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีต่อ “นายบอส” ในทุกข้อกล่าวหาตามหนังสือที่อ้างถึง ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ไม่แย้งคำสั่งของพนักงานอัยการคดีนี้ จึงเป็นอันสิ้นสุดตามกระบวนการทางกฎหมายและพนักงานสอบสวนได้ทำการขออนุมัติศาลเพิกถอนหมายจับในคดีนี้เป็นที่เรียบร้อย
ซึ่งขั้นตอนจากนี้ หลังพนักงานสอบสวนจะดำเนินการตามกฎหมายถอนหมายจับนายวรยุทธในไทย และให้ตำรวจกองการต่างประเทศประสานตำรวจสากลถอนหมายจับอินเตอร์โพลด้วย ให้เสมือนเป็นผู้บริสุทธิ์คนหนึ่งทำให้ “นายวรยุทธ” สามารถกลับเข้าประเทศได้ตามปกติ ทั้งยืนยันว่าคดีนี้เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปกติ
สำหรับคดีนี้นายวรยุทธถูกแจ้งข้อหาทั้งหมด 5 ข้อหา 1.ข้อหาเมาแล้วขับ ที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง 2.ขับรถเร็วเกิน หมดอายุความไปแล้วเมื่อวันที่ 3 ก.ย.2556 3.ขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินเสียหาย หมดอายุความไปแล้วเมื่อวันที่ 3 ก.ย.2556 4.ชนแล้วหนี หมดอายุความไปแล้วเมื่อวันที่ 3 ก.ย.2560 และ 5.ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งมีกำหนดจะหมดอายุความในวันที่ 3 ก.ย.2570 หรืออีกประมาณ 7 ปี ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ลงโทษภาคทัณฑ์ 7 ตำรวจ หลังตรวจสอบพบว่ามีการช่วยเหลือนายวรยุทธไม่ให้ถูกดำเนินคดีเมาแล้วขับ ไม่ดำเนินคดีขับรถเร็วเกินไป และไม่ออกหมายจับจนเป็นเหตุให้ผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกประเทศ
ประเด็นนี้กลายเป็นสิ่งที่สังคมต้องตั้งคำถามอีกครั้งถึงกระบวนการยุติธรรม และกฎหมายของไทย ตลอด 8 ปีคดีนี้ อยู่ในความสนใจของผู้คนในสังคม และรอวันที่จะเห็นการคลี่คลายอย่างโปร่งใส คนทำผิดต้องได้รับโทษ ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม รวยล้นฟ้าแค่ไหน ทำผิดต้องได้รับโทษตามกฎหมายไม่มีข้อยกเว้น แต่บ่อยครั้งเมื่อการตัดสินคดีสำคัญสิ้นสุดลง คนไทยมักต้องตั้งคำถามซ้ำๆ ถึงมาตรฐานกระบวนการยุติธรรม และกฎหมาย ที่ไม่สามารถคลี่คลายความจริงและปลดเปลื้องคำถามที่คาใจของสังคมออกไปได้ สุดท้ายคำว่า “คุกมีไว้ขังคนจน” ก็กระหึ่มขึ้นในสังคมไทยอีกครั้ง