'เปรมชัย' สู้ถึงฎีกา! หลังอุทธรณ์สั่งคุก6เดือนไม่รอลงอาญา คดีปืนไรเฟิล

คดีหมายเลขดำ อ.1144/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูตร อายุ 65 ปี ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลย ในความผิดฐาน มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนฯ พ.ศ.2490

โดยอัยการยื่นฟ้องคดี เมื่อวันที่ 11 เม.ย.61 ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 61 จำเลยกระทำผิดกฎหมายด้วยการมีอาวุธปืนยาวไรเฟิล 3 กระบอก และปืนแก๊ป 1 กระบอกไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตภายในบ้านพัก เขตห้วยขวาง กทม. ซึ่ง นายเปรมชัย จำเลยได้รับการประกันตัวชั้นพิจารณา 200,000 บาทโดยไม่มีการกำหนดเงื่อนไขใดๆ ซึ่งคดีนี้ในชั้นสอบคำให้การจำเลย เมื่อวันที่ 1 พ.ค.61 นายเปรมชัย เคยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยศาลได้นัดตรวจพยานหลักฐาน จนนัดเริ่มสืบพยานโจทก์ในเดือน ก.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม นายเปรมชัย จำเลย ได้แถลงให้การคำรับสารภาพ พร้อมยื่นคำร้องประกอบต่อศาลเพื่อพิจารณา ล่าสุด ศาลอุทธรณ์​ยืนตามศาลชั้นต้น​ตัดสิน พิพากษาจำคุก 6 เดือน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายเปรมชัยนั้น ก่อนหน้านี้ต้นปี 2562 ถูกศาลจังหวัดทองผาภูมิ พิพากษาให้จำคุก 16 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ คดีครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครองไก่ฟ้าหลังเทา และเสือดำ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งคดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ โดยนายเปรมชัย ได้ประกันตัว 400,000 บาท

นอกจากนี้ เมื่อเดือน มิ.ย.62 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ก็ได้พิพากษาจำคุก 1 ปี นายเปรมชัย โดยไม่รอลงอาญาเช่นกัน ฐานร่วมกันให้สินบนเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 กรณีพูดเสนอเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ช่วยเคลียร์เหตุถูกจับพร้อมซากสัตว์ป่าฯ ซึ่งคดีนี้ศาลก็ให้นับโทษ นายเปรมชัย ต่อจากโทษจำคุกคดีในศาลจังหวัดทองผาภูมิด้วย โดยนายเปรมชัย ก็ได้ประกันตัว และคดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์เช่นกัน

วันนี้ (11 ส.ค. 63) ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ผู้ต้องหาคดีล่าสัตว์ป่าคุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เป็นจำเลย ในฐานความผิดกระทำผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนฯ พ.ศ.2490 กรณีครอบครองปืนไรเฟิลไว้ในบ้านพัก ในกรุงเทพมหานคร โดยไม่ได้รับอนุญาต

โดย นายเปรมชัย พร้อมทนายความเดินทางมาถึงศาลอาญา เข้ารับฟังการพิจารณาคดี มีสีหน้าเเจ่มใสขึ้นกว่าทุกครั้ง แต่ยังคงต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุง ขณะขึ้นไปยังศาล

เมื่อถึงเวลาอ่านคำพิพากษา โดยองค์คณะผู้พิพากษา ใช้เวลาอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ ไลภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที โดยประเด็นหลักที่จำเลยขอยื่นอุทธรณ์ มีทั้งที่ศาลรับวินิจฉัยและไม่รับวินิจฉัย ประเด็นแรก จำเลย อุทธรณ์ ให้นับการลงโทษต่อจากคดี อีก 2 คดี ในศาลจังหวัดทองผาภูมิ และ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ศาลไม่รับวินิจฉัย ประเด็นที่โจทก์ขอให้ลงโทษให้ลงโทษสถานหนัก ศาลเห็นว่าศาลชั้นต้นวางโทษ แห่งพฤติการณ์ความผิด ไว้เหมาะสมเเล้ว

ประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์ว่า กระทำความความผิดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เนื่องจากอาวุธปืนที่ใช้ยื่นฟ้องไม่ใช่ปืนของจำเลย เป็นปืนของบิดาที่เสียชีวิตไปแล้ว เนื่องจากปรับปรุงบ้าน มีการนำปืนมาไว้ที่บ้านจำเลย ศาลพิจารณาเห็นว่าขัดกับคำให้การรับสารภาพ การยื่นอุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น ศาลอุทธรณ์จึงไม่รับวินิจฉัย

ส่วนกรณีที่อุทธรณ์ให้รอการลงโทษนั้น ศาลพิเคราะห์ว่า จำเลยมีอาวุธปืนที่ไม่ได้รับอนุญาตไว้ให้ครอบครองเป็นจำนวนมาก และ มีปืนที่ไว้ใช้สำหรับล่าสัตว์ หากมีการนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมที่เก็นอันตรายต่อชีวิต ทรัพย์สิน จะยากต่อการติดตามตัวคนทำผิด กระทำส่วนร่วม ถือเป็นพฤติการที่ร้ายแรง

ส่วนที่จำเลยอ้างว่า มีอาการเจ็บป่วยด้วยโรคประจำตัว นั้น ศาลเห็นว่า ทางเรือนจำมีสถานพยาบาลที่ดีอยู่แล้ว และหากเจ็บป่วยฉุกเฉินก็สามารถนำตัวส่งรักษาต่อได้ จึงเห็นควรพิจารณาลงโทษนายเปรมชัย ยืนตามศาลชั้นต้น ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง  ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 6 เดือน

หลังการอ่านคำพิพากษา ทนายของนายเปรมชัย ยื่นขอประกันตัวระหว่างต่อสู้คดีในศาลฎีกาใช้หลักทรัพย์เดิม 2 แสน และเพิ่มเงินสดเป็นหลักทรัพย์ประกันตัวอีก 3 แสน รวมเป็น 5 แสนบาท อยู่ระหว่างการอการพิจารณาของศาล ทั้งนี้ นายเปรมชัย กรรณสูตร ยังถูกติดกำไร อีเอ็ม ในคดีล่าเสือดำ ตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมปีที่เเล้ว พร้อมห้ามเดินทางออกนอกประเทศ