'ราคาน้ำมัน' ปรับลดลง วิตกว่างงานสหรัฐพุ่งกระทบดีมานด์
ราคาน้ำมันดิบโลกปรับลดลงในวันพฤหัสบดี (20 ส.ค.) หลังตัวเลขว่างงานสหรัฐสูงขึ้นกว่าที่คาด ซ้ำเติมความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์พลังงาน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส งวดส่งมอบเดือน ก.ย. ปิดที่ 42.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 35 เซ็นต์ (0.8%) ขณะที่งวดส่งมอบเดือน ต.ค. ปิดที่ 42.82 ดอลลาร์ ลดลง 29 เซ็นต์ (0.7%) ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือน ต.ค. ปิดที่ 44.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 47 เซนต์ (1%)
ราคาน้ำมันดิบโลกปรับลดลง หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 1.106 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 923,000 ราย
ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ล่าสุด กลับมาพุ่งขึ้นสูงกว่า 1 ล้านราย หลังจากทำสถิติต่ำกว่า 1 ล้านรายเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. ขณะที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 6.867 ล้านรายในช่วงปลายเดือน มี.ค.
ขณะเดียวกัน รายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระหว่างวันที่ 28-29 ก.ค. ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ (19 ส.ค.) ระบุว่า เจ้าหน้าที่ด้านเศรษฐศาสตร์ของเฟดบอกกับคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินว่า ได้ปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังลดลงจากเดิม ปัจจัยนี้ซ้ำเติมความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์ทางพลังงาน
นอกจากนี้ อีกปัจจัยฉุดราคาน้ำมันยังมาจากแถลงการณ์ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร หรือ "โอเปกพลัส" (OPEC+) ที่ระบุว่า การแพร่ระบาดรอบที่ 2 ของโควิด-19 จะสร้างความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของตลาดน้ำมัน
โอเปกพลัสยังเตือนให้สมาชิกบางประเทศ เช่น อิรักและไนจีเรีย ผลิตน้ำมันตามโควตา หลังจากที่ได้ผลิตเกินโควตาในช่วงเดือน พ.ค.-ก.ค.
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างทำเนียบขาวกับสภาคองเกรสเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน