'เพื่อไทย' แฉ เอกสารลับจีทูจีซื้อ 'เรือดำน้ำ' ส่อวืด เหตุซื้อกับเอกชน
"ยุทธพงศ์" ซัด "พล.ร.อ.ลือชัย" ขณะนั้นไม่มีอำนาจลงนามในนามรัฐบาลไทย เตรียม ขอมติใหม่ในที่ กมธ.งบชุดใหญ่ จี้ พล.ร.อ.ลือชัย ชี้แจง พร้อมมอบฉายาให้พล.อ.ประยุทธ์ "นายกฯไทยหัวใจเรือดำน้ำจีน"
วันที่ 23 ส.ค. 63 นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 64 เปิดเผยถึงกรณีที่ประชุมอนุกรรมาธิการมีมติเห็นชอบงบจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีนของกองทัพเรือ จำนวน 2 ลำ วงเงิน 22,500 ล้านบาทว่า ที่ประชุมอนุกรรมาธิการเมื่อวันศุกร์ (21 ส.ค.) ที่ผ่านมา ในตอนแรกมีมติเสมอกัน 4 ต่อ 4 แต่สุดท้าย ประธานอนุกรรมาธิการฯ นายสุพล ฟองงาม ก็ลงมติเห็นชอบ ทั้งที่ตำแหน่งประธานไม่ควรลงมติ เนื่องจากต้องวางตัวเป็นกลาง แต่นายสุพลกลับมาลงอีกเสียงหนึ่งเสียง ทำให้มติเป็น 5 ต่อ 4 ที่เห็นชอบการจัดซื้อเรือดำน้ำ
ต่อมาก็มีการตั้งคำถามว่า มีการล็อบบี้ในคณะอนุกรรมาธิการฯหรือไม่ ซึ่งครั้งแรก กองทัพเรือเข้ามาเสนองบประมาณ แต่อนุกรรมาธิการเห็นว่า หากการจัดซื้อเรือดำน้ำลำแรกไปแล้ว และไม่ได้ผูกพันลำที่สองและสาม ก็ขอให้ชะลอไว้ก่อน อย่าเพิ่งซื้อ แต่กองทัพเรือไม่ยอม ดึงดันให้ซื้อให้ได้ สุดท้ายงบประมาณก็ถูกแขวนไว้ ไม่ให้ผ่าน เพราะอนุกรรมาธิการ มีเสียงเป็นเอกฉันท์ว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำไม่จำเป็นในขณะนี้ และมีกรรมาธิการคนหนึ่งที่ออกเสียงไม่ซื้อเรือดำน้ำ ถึงกับบอกในห้องประชุมว่า ลองให้ทหารถอดเครื่องแบบแล้วถามชาวบ้านในต่างจังหวัด ก็จะพบว่า ชาวบ้านไม่ยอมให้ซื้อเรือดำน้ำแน่นอน แต่สุดท้าย การลงมติอีกครั้งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กรรมาธิการคนดังกล่าวนี้ก็โหวตให้ซื้อเรือดำน้ำ ดังนั้น จึงเชื่อว่ามีการล็อบบี้จากผู้ใหญ่ในรัฐบาลอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ นายยุทธพงศ์ ยังได้แสดงเอกสารบันทึกข้อตกลงการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือต่อสื่อมวลชนที่มีการระบุว่า เป็นสัญญาจีทูจี โดยนายยุทธพงศ์ ระบุว่า แต่เมื่อมาตรวจสอบ กลับพบว่า ไม่ใช่สัญญาจีทูจี แต่เอกสารดังกล่าวเป็นเพียงข้อตกลง และสัญญาที่เซ็นไป ก็เป็นเพียงแค่การจัดซื้อเรือดำน้ำ 1 ลำเท่านั้น ไม่มีลำที่ 2 หรือ 3 ไม่มีข้อผูกพันอะไร
ขณะเดียวกัน เอกสารที่ลงนามสัญญา ฝั่งไทยคือ พลเรือเอกลือชัย รุดดิษฐ์ ที่ดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารเรือ ณ ขณะนั้นในปี 2560 และฝั่งจีนที่ลงนามด้วยคือ บริษัทเอกชน ไม่ใช่รัฐบาลจีน ซึ่งจุดนี้จะนำไปสู่หนังม้วนยาว
นายยุทธพงศ์ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมปกปิดเอกสารมาโดยตลอด ซึ่งหากเป็นสัญญาแบบจีทูจีจริง ผู้ลงนามฝั่งไทย ก็ไม่มีอำนาจลงนามแทนรัฐบาลไทย เพราะผู้มีอำนาจ คือ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อีกทั้งยังไม่มีหนังสือมอบอำนาจจากรัฐบาลไทยด้วย และตำแหน่งเสนาธิการทหารเรือก็ไม่สามารถรับมอบอำนาจได้ คนที่รับมอบอำนาจได้ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเท่านั้น ดังนั้น สัญญาดังกล่าวจึงต้องเป็นโมฆะ แต่เรื่องนี้ ในคณะอนุกรรมาธิการฯ กองทัพเรือไม่สามารถชี้แจงได้เลย อ้างแต่เรื่องความมั่นคงทางทะเล ทั้งที่ความอดอยากของประชาชนทั้งภัยพิบัติ น้ำท่วมในขณะนี้ สำคัญกว่าเรือดำน้ำ
นายยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า แนวทางต่อไปที่จะต่อสู้ คือ ในวันพุธที่ 26 สิงหาคม เวลา 13.00 น.คณะกรรมาธิการงบประมาณชุดใหญ่ จะให้อนุกรรมาธิการฯชี้แจงเรื่องเรือดำน้ำ และตนจะเสนอให้กรรมาธิการชุดใหญ่ทบทวนเรื่องนี้ พร้อมขอให้กองทัพเรือนำหนังสือสัญญามาแสดง หากแสดงไม่ได้ สัญญาจะต้องเป็นโมฆะ เนื่องจากไม่มีความโปร่งใส มีความไม่ชอบมาพากลทั้งนี้ หากคณะกรรมาธิการชุดใหญ่ดึงดันให้ผ่าน ตนจะเสนอให้มีมติในคณะกรรมาธิการชุดใหญ่ โดยให้กรรมาธิการลงชื่อเป็นรายบุคคลแบบเปิดเผยชื่อ เพื่อดูว่า ใครเห็นความสำคัญของเรือดำน้ำ มากกว่าความอดอยากของประชาชน แต่หากโหวตแล้วยังแพ้เสียงส่วนใหญ่ในซีกรัฐบาล ตนก็จะเดินหน้าต่อไปเพื่อฟ้องกับประชาชน เพราะเรื่องนี้มีความไม่ชอบมาพากลอย่างมาก
ส่วนที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เคยประกาศว่า เลือกเรือดำน้ำจีน เพราะได้คุณภาพดีในราคาประหยัด อีกทั้งยังซื้อ 2 แถม 1 นั้น นายยุทธพงศ์ ระบุว่า แล้วทำไมวันนี้ กลายเป็นว่าซื้อเรือดำน้ำทั้งหมด 3 ลำ แปลว่าอะไร
ด้าน นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะอนุกรรมาธิการฯ ระบุว่า หลังจากที่พวกตนโหวตแพ้ ก็ได้ตั้งข้อสังเกตไว้และบันทึกไว้ว่า จะนำไปต่อสู้ในที่ประชุมสภาฯขณะลงมติวาระที่ 2-3 และจะเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไป เพราะเรื่องนี้เหมือนเป็นใบสั่ง ตอนแรกทุกคนอภิปรายไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายก็โหวตเห็นด้วย
"ผมไปนอนคิดสองวัน ผมว่า รัฐบาลป่วยแล้ว ลืมประชาชน ลืมสิ่งที่พูดไว้ว่า พี่น้องประชาชนต้องรัดเข็มขัด ต้องประหยัด แต่ก็มาดันเรื่องนี้ ผมว่า รัฐบาลไม่ได้เป็นง่อย แต่ป่วย เรื่องนี้ ผมยืนยันว่า วาระ 2 เชื่อว่า เพื่อนร่วมฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลที่ไม่ได้เป็นกรรมาธิการจะมาร่วมแจมด้วย เพียงแต่วันนั้น 4 ท่านในอนุกรรมาธิการคือโทรมาประสานได้ง่าย เดี๋ยวได้พิสูจน์กันว่าคนเป็นผู้แทนในภาวะวิกฤติ หากยังแบกหามรัฐบาลอยู่ ก็เชิญตามสบาย หากเห็นว่าพร้อมยุบสภาไหม ผมพร้อม วันนี้คนไทยกำลังโดนต้ม 2 แถม 1 บ้าง ทำเอ็มโอยูบ้าง ทั้งที่จริง ๆ ไม่มีอะไรเลย เรื่องนี้ไม่จบแน่ ผมเดินหน้าเตรียมฟ้องประชาชน"
นายยุทธพงศ์ ระบุอีกว่า หากนายกรัฐมนตรียังดึงดันที่จะซื้อเรือดำน้ำ เชื่อว่า จะเป็นจุดจบของรัฐบาล และหากรัฐบาลเดินหน้าต่อ ตนจะขอเชิญชวนประชาชนให้ออกไปร่วมการชุมนุมกับนิสิตนักศึกษาเพื่อขับไล่รัฐบาล ตนขอถามนายกรัฐมนตรีว่าหัวใจทำด้วยอะไร "นายกฯไทยหัวใจเรือดำน้ำจีน"
เมื่อถามว่า มีบุคคลใกล้ชิดรัฐบาลเป็นนายหน้าใช่หรือไม่ นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า จะต้องเจาะลึกในรายละเอียดต่อไป