“ไทยรี” ยันแผน3ปีดัน ROEแตะ10%
“ไทยรี” ยันแผนธุกิจ3ปีเดินหน้าดัน ROEแตะ10% เบี้ยธุรกิจหลักโต10%และบริษัทในเครือโต15% จากครึ่งปีแรกกำไรพุ่ง313%และปีนี้คาดว่ายังโตตามเป้า พร้อมลุยธุรกิจใหม่ ”ไทยรีอินโนเวชั่น” ปีหน้าหนุนกำไรโตระยะยาว ขณะที่ผลโควิด-19 ยังกระทบ ชะลอแผนขยายตลาดประกันในต่างประเทศ
นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) หรือ THRE เปิดเผยว่า บริษัทยังคงแผนธุรกิจ3ปี (ปี2563 -2565) ตั้งเป้าหมายในปี2565 ผลักดัน ROE เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องแตะระดับกว่า10% ไปพร้อมกับการเติบโตของเบี้ยประกันภัยธุรกิจหลักกว่า 10% และ4 ธุรกิจในเครือ (ไทยรี เซอร์วิสเซส , ไทยรี แอคชัวเรียล คอนซัลติ้ง , อีเอ็มซีเอสไทย และไทยรี อินโนเวชั่น) รายได้เติบโต15% รวมทั้งน่าจะยังรักษาเป้าหมายมีกำไรได้ตามแผนที่วางไว้
จากครึ่งปีแรก 2563 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ยังสามารถทำได้ตามเป้าหมาย มี ROE อยู่ที่ 5-7% ธุรกิจหลักมีเบี้ยประกันภัยราว2,000ล้านบาท เติบโต 10% และมีกำไรสุทธิ 87 ล้านบาท เติบโต 313% มาจากการขยายตลาดประกันสุขภาพเติบโตดี มีกำไร27ล้านบาท และกำไรที่เหลือมาจากการลงทุนรวมถึงบริษัทในเครือ อีกทั้งยังค่าใช้จ่ายเบี้ยประกันระยะยาวลดลงแล้วกว่า70ล้านบาทและอีก80ล้านบาทจะทยอยหมดภายในสิ้นปีนี้ จึงมั่นใจว่า ทั้งปีนี้บริษัทจะเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้ ทั้งกำไรและ ROE ระดับ5-7% ธุรกิจหลักมีเบี้ยประกันภัยแตะ4,000กว่าล้านบาทเติบโต10%
สำหรับแผนธุรกิจเดินหน้าผลักดันในช่วงที่เหลือปี2563 นายโอฬาร กล่าวว่า ล่าสุด บริษัทลูก “ไทยรีอินโนเวชั่น” เตรียมนำเทคโนโลยีแฟลตฟอร์มประกันภัยใหม่จากประเทศจีน มาให้บริการลูกค้าบริษัทประกัน ทั้งในรูปแบบการให้บริการทั่วไปหรือผนวกเข้ากับผลิตภัณฑ์ประกัน โดยมีบริษัทจะมีรายได้จากการเก็บค่าบริการเป็นหลัก มองว่า ธุรกิจนี้จะช่วยสร้างกำไรที่ดีในระยะยาวได้แน่นอน
โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตกลงกับบริษัทคู่ค้า คาดว่าจะเริ่มเฟสแรกได้ในปี2564 เป็นการนำเทคโนโลยียืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์( E-KYC ) เต็มรูปแบบ และ AI มาให้บริการสำหรับการเก็บบันทึกข้อมูลการรับประกันภัย เพื่อยืนยันการขายประกันและการเคลมสินไหมได้อย่างถูกต้องแม่นยำ อีกทั้งยังช่วยลดข้อพิพาทและการฉ้อฉลประกันภัยในอนาคต และตอบสนองความต้องการของคนที่ยังต้องเว้นระยะห่างทางสังคมในช่วงโควิด-19 ได้ด้วย
“เทคโนโลยีนี้เราไม่ได้ลงทุนเยอะ เพราะเป็นแพลตฟอร์มสำเร็จรูป และเท่าที่คุยกับลูกค้าบริษัทประกันภัยมาบางแล้วพบว่า เขามีความต้องการใช้เทคโนโลยีนี้ น่าจะเริ่มกับบริษัทประกันชีวิตก่อน และบริการนี้ยังเหมาะบริษัทประกันขนาดกลางและเล็ก ด้วยอัตราค่าบริการที่คุ้มค่ามากกว่าต้องลงทุนเอง เราจึงมั่นใจว่า ธุรกิจใหม่นี้จะช่วยสร้างรายได้หลักและกำไรในระยะยาวให้กับเราได้”
อีกทั้งบริษัทกำลังพิจารณาซื้อไลเซนจากบริษัทต่างประเทศ และให้บริษัทลูก “ไทยรี แอนชัวร์เรียล” นำมาพัฒนาระบบและให้บริการด้านคณิตศาสตร์ประกันภัย สำหรับลูกค้าบริษัทประกันภัยที่จะต้องเตรียมตัวรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่IFRS17 ที่คาดว่าเริ่มใช้ในปี2566
นอกจากนี้ แผนการขยายตลาดประกัยภัยในต่างประเทศ ในส่วนของอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ คาดว่า ยังล่าช้าออกไปเป็นปีหน้า จากผลกระทบโควิด-19 ที่ไม่สามารถเดินทางระหว่างประเทศได้ แต่ยังติดต่อพูดคุยตามปกติ ส่วนรายได้จากการขยายในตลาด CLMV ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้รายได้ไม่ได้เพิ่มเมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน หรือมีเบี้ยประกันเข้ามาไม่มากอยู่ที่20ล้านบาท