เลื่อนถก! ซื้อ 'เรือดำน้ำ' แต่ยกเลิกจัดซื้อเป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นกฏหมายแล้ว
ประธาน กมธ.งบฯ 64 ชุดใหญ่ เผยที่ประชุม ยังไม่เคาะจัดซื้อเรือดำน้ำวันนี้ ให้เวลาทุกฝ่ายเตรียมหารือให้รอบคอบที่สุด ชี้ยกเลิกจัดซื้อเป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นกฏหมายแล้ว เชื่อปชป. ไม่โหวตคว่ำ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายสันติ พร้อมพัฒน์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติรายจ่ายประจำปี 2564 เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการพิจารณาเรื่องจัดซื้อเรือดำน้ำ ที่เป็นประเด็นได้รับความสนใจในขณะนี้ว่า วันนี้ คณะอนุกรรมาธิการทั้ง 8 คณะ กำลังทยอยชี้แจงสรุป ที่ได้ไปตรวจสอบแต่ละด้าน คาดว่าวันนี้จะยังไม่สามารถชี้แจงเสร็จทุกอนุกรรมาธิการ ในเรื่องของเรือดำน้ำ คณะใหญ่ก็จะต้องมีการปรึกษารวมถึงให้กองทัพเรือเข้ามาชี้แจง รายละเอียดให้ชัดเจน รวมถึงต้องให้บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านได้มีการปรึกษาหารือ ว่าจะมีแนวทางอย่างไร
ซึ่งตนก็ได้มีโอกาสได้พูดคุยกับทั้งสองฝ่ายก็มีความ เห็นด้วยกับการที่ กองทัพเรือจะมีเรือดำน้ำ อีก 2 ลำ แต่ขณะนี้มีวิกฤตในเรื่องของ covid 19 ทำให้เศรษฐกิจชะลอลง จึงจะต้องมีการให้กองทัพเรือไปพิจารณาพูดคุยว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง เนื่องจากเรือดำน้ำชุดนี้ได้มีการผ่านการอนุมัติออกมาเป็นกฎหมาย ในปี 63 ไปแล้ว ซึ่งจะต้องดูว่าจะมีแนวทางอย่างไรต่อไป สวนกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนกรรมาธิการชุดใหญ่ทุกคนก็น้อมรับ ถึงต้องให้ทุกภาคส่วนไปพูดคุยเพื่อตกผลึกก่อนที่จะนำเข้ามาให้กรรมาธิการคณะใหญ่ได้รับฟังอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน โดยที่ประชุมจะตกลงอีกทีว่าจะกลับมาหารือในประเด็นนี้วันไหน
นายสันติมองว่า ความจำเป็นในการที่จะต้องมีเรือดำน้ำ ซึ่งในครั้งนี้ทางประเทศจีนได้มีการออกแบบเป็นพิเศษ ให้สามารถปฏิบัติการได้ทั้งในน้ำตื้นและน้ำลึก และเมื่อพูดถึงความคุ้มค่านั้น การที่น่านน้ำไทยมีเรือดำน้ำ 3 ลำก็ถือว่าเป็นการประหยัดที่สุดแล้ว ซึ่งกว่าจะจัดหาได้ก็ต้องใช้เวลาถึง 7 ปีโดยต้องมองถึงความมั่นคงในหลายๆด้าน ทั้งกองทัพ และเศรษฐกิจ
เมื่อถามว่าแนวทางความเป็นไปได้ในการที่จะชะลอการจัดซื้อมีมากกว่าการยกเลิกการจัดซื้อใช่หรือไม่ นายสันติบอกว่าเรื่องของการยกเลิกนั้นเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เนื่องจากการอนุมัติการจัดซื้อเรือดำน้ำทั้ง 2 ลำนี้ได้ผ่านคณะรัฐมนตรีอนุมัติไปแล้ว ตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งสภาก็ได้มีการอนุมัติ ให้ทั้งเงินและอำนาจไปดำเนินการ แต่ด้วยความกรุณา และความเสียสละ ของกองทัพเรือ โยกงบประมาณส่งกลับมา เพื่อช่วยเหลือสถานการณ์ covid-19 ย้ำว่าในเรื่องของกฎหมายทุกอย่างได้จบสิ้นไปแล้ว
ทั้งนี้เรื่องการเลื่อนการพิจารณาไปของแต่ละอนุกรรมาธิการก็เพื่อเป็นไปตามความรอบคอบ ของทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นส่วนที่ดูแลความมั่นคงก็ดี ไปจนถึงส่วนที่ดูแลเรื่องของเศรษฐกิจ ตนในฐานะประธานก็จะต้องดูให้เกิดความรอบคอบให้มากที่สุด ส่วนสุดท้ายจะต้องมีการโหวตกันหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับที่ประชุม ว่าจะมีทางออกอย่างไร
เมื่อถามว่าหากมีการเลื่อนการจัดซื้อออกไปจะใช้เวลานาน ไปอีกเท่าไหร่ นายสันติระบุว่าตามกฎหมาย พรบงบประมาณปี 63 จะอนุมัติการจัดซื้อไปแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับทางกองทัพเรือที่จะจัดเวลาไปเซ็นสัญญา ซึ่งความจริงก็จะต้องเซ็นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาแล้ว แต่ติดปัญหาจากสภาวะ covid-19 จึงได้โอนงบคืนมา ทั้งนี้ตนทราบว่าในช่วงเดือน กันยายน ก็จะต้องไปทำสัญญากัน ซึ่งหากว่าจะ มีแนวทางที่จะเลื่อนออกไปนั้นก็จะต้องให้นักกฎหมายศึกษาก่อนว่าจะทำอะไรได้อย่างไรหรือไม่
ส่วนหากมีการเลื่อนการจัดซื้อออกไปวงเงิน งบประมาณตรงนี้จะสามารถ โยกไปใช้ในส่วนอื่นได้อีกหรือไม่นั้น ก็ต้องดูข้อกฎหมายและการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่ย้ำว่าเงินก้อนนี้เป็นเงินตามกฎหมายที่ได้อนุมัติไปแล้วในปี 63 เมื่อเป็นกฎหมายแล้วการจะโยก หรือจะทำอย่างไรในเงินจำนวนนี้ จะต้องไปดูกฎหมายให้รอบคอบ
พร้อมกันนี้ นายสันติ ยังกล่าวแสดงความมั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่โหวตคว่ำปมจัดซื้อเรือดำน้ำตามที่แถลงก่อนหน้านี้ เพราะตนเชื่อว่าคงต้องมองถึงเหตุผลของบ้านเมืองเป็นหลัก รวมถึงต้องอยู่บนเหตุและผล ส่วนหากสุดท้ายจะต้องมีการลงมติ นายสันติยอมรับว่า อาจจะต้องมีการคุยกันก่อน