เวทีฝ่ายค้านรับฟัง 4 กลุ่มเปราะบางได้รับผลกระทบโควิด-19
เวทีฝ่ายค้านรับฟัง 4 กลุ่มเปราะบางได้รับผลกระทบโควิด-19 'เพื่อไทย' อัด 'ประยุทธ์' ยึดอำนาจ 'เสรีรวมไทย' ลั่นจ่อหั่นงบฯ สู้เหมืองทองอัครา ดันท่องเที่ยวการแพทย์ดึงต่างชาติเข้าไทย ยกเลิกซื้อเรือดำน้ำ 2 หมื่นล้าน
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ฝ่ายค้านจัดเวทีรับฟัง 4 กลุ่มเปราะบางจากวิกฤตโควิด ซึ่งเป็นเวทีที่ 2 ของฝ่ายค้านที่จัดเสวนาเพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนภาคธุรกิจท่องเที่ยวและการบริการจากวิกฤตโควิด-19 โดยมีตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมเวทีเสวนา ประกอบด้วย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย พรรคก้าวไกล นพ.เรวัติ วิศรุตเวช รองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ และนายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย ซึ่งดำเนินรายการโดย นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระ และผู้ดำเนินรายการ Overview สถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี
นายพงศ์เทพ ระบุว่าปัญหาที่กระทบต่อการท่องเที่ยวภาคเหนือโดยเฉพาะ จ.เชียงใหม่นั้น ไม่ได้มีเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น มีนักท่องเที่ยวคนไทยมาท่องเที่ยวภาคเหนือมาก คนไทยมาใช้เงิน จ.เชียงใหม่ มากกว่าชาวต่างชาติ ซึ่งจะต่างจากบางจังหวัด เช่น ภูเก็ต พังงา ชลบุรี ที่นั่นมีนักท่องเที่ยวต่างชาติไปใช้เงินมากกว่านักท่องเที่ยวในประเทศ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่เข้ามาในประเทศ ถ้าคนไทยไม่มีเงินก็ไม่สามารถมาท่องเที่ยวได้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าตั้งแต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้ามาบริหารประเทศตั้งแต่ยึดอำนาจ เศรษฐกิจในประเทศไทยเติบโตช้า ทำให้เงินในกระเป๋าคนไทยน้อยกว่า และเงินไปกระจุกอยู่กลุ่มคนน้อยๆ คือคนที่มีฐานะสูง
นายพงศ์เทพ ระบุว่า ถ้าหัวหน้าทีมเศรษฐกิจยังชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่จะมีความเชื่อมั่นหรือไม่ ไม่มีทางจริงๆ ถ้าจะให้เศรษฐกิจผงกหัวได้ ต้องมีเงินอัดฉีดเงินในระบบ คือต้องเพิ่มรายให้กับภาคประชาชน อย่างแรกที่ควรทำคือการเจรจาเรื่องของเอฟทีเอกับสหภาพยุโรป การเจรจาการค้าลดภาษีกับสหภาพยุโรป ตอนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีการเจรจากับสหภาพยุโรปเพื่อให้สินค้าไทยได้รับภาษีนำเข้าต่ำ จะทำให้ขายของได้มากขึ้น รายได้เข้าสู่ประเทศไทย เมื่อเกิดการยึดอำนาจ ทำให้การเจรจาหยุดชะงัก ส่วนค่าเงินบาทที่ผ่านมาแข็งค่า ตั้งแต่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาบริหารประเทศได้เกิดปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน หากถูกชักเข้าไป 20-30% กับคนจำนวน้อยใช้ไม่ได้ก็นำเงินไปเก็บและนำมาใช้ไม่ได้ การซื้ออาวุธเงินออกนอกประเทศทั้งสิ้น ไม่มีเหตุผลจะซื้ออาวุธอะไรเลย ช่วงที่ผ่านมาซื้ออาวุธและงบกองทัพสูงมากไม่เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
นายพงศ์เทพ ระบุว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นหยุดงะชักไปนาน ถ้าเลือกทั้ง อบจ. เลือกทั้งเทศบาล ใช้งบประมาณครั้งเดียว 3,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถเลือกตั้งได้ครั้งเดียว กระตุ้นเศรษฐกิจได้ รวมทั้งต้องลดค่าใช้จ่ายของรัฐที่ไม่จำเป็น รวมทั้งการเกณฑ์ทหารปีละ 100,000 คน ควรใช้ระบบสมัครใจและควรลดจำนวนลง จะช่วยลดงบประมาณแผ่นดินลง และเชื่อว่าปลายปี 2564 การท่องเที่ยวจะยังไม่เหมือนเดิม และนักท่องเที่ยวจะลดลงไปเยอะ ดังนั้น ต้องกระตุ้นให้คนไทยหันมาท่องเที่ยวในประเทศให้มากขึ้น ดังนั้น จ.เชียงใหม่ มีโอกาสอยู่ได้ถ้าทำให้คนไทยหันมาท่องเที่ยว ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติถ้ามาเที่ยวในประเทศไทยต้องมากักตัว 14 วัน ถ้ามาเที่ยวในประเทศไทยต้องพักในเมืองไทยเป็น 1 เดือน เชื่อว่าปีนี้ยังพึ่งนักท่องเที่ยวได้ยากมาก
นพ.เรวัติ ระบุว่า สถานการณ์โควิด-19 ไม่รู้จะจบสิ้นเมื่อไร และยังไม่รู้วัคซีนจะผลิตได้เมื่อไร เมื่อสถานการณ์ยังมีการระบาดรุนแรงนั้น ดังนั้น ควรมุ่งเน้นการท่องเที่ยวในประเทศ เปลี่ยนนักท่องเที่ยวจากชาวไทยที่จะไปต่างประเทศเรามีตัวเลข 4แสนล้านบาท เปลี่ยนให้คนเหล่านี้มาเที่ยวในประเทศไทย และใช้โอกาสนี้พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้ดีขึ้น รวมทั้งสร้างแรงจูงใจให้คนเที่ยวในประเทศไทย โดยบางโรงแรมอาจต้องมีโปรโมชันในเมืองท่องเที่ยวในเรื่องราคาให้กับนักท่องเที่ยวคนไทย ส่วนผู้ประกอบการต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เข้ากับคนไทย ให้เหมือนกับไปเที่ยวในต่างประเทศ
"เราต้องถือโอกาสนี้พัฒนาบุคลากร เมื่อสถานการณ์กลับสู่ปกติจะมีบุคลากรที่่มีคุณภาพในด้านแรงงานด้วย ส่วนจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติหรือไม่นั้น ควรต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน การจะเปิดประเทศให้ต่างชาติเข้ามามีความเสี่ยง รายได้อาจไม่คุ้มกับความเสียหายที่จะระบาด เพราะที่ผ่านมามีหลายประเทศเปิดประเทศแล้วกลับมาระบาดหนัก ถ้าหากนำนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาในประเทศ ทำได้คือ การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ เพื่อให้คนต่างชาติเข้ามารักษาในประเทศไทย อีกระหว่างกักตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถเข้าบริการในประเทศไทยได้ ข้อเสนอสุดท้าย แม้การท่องเที่ยวไม่กลับมา 100 % หากได้กลับมา 50-70%ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ดังนั้น ต้องขอให้ช่วยพิจารณามีรายการหลายอย่างไม่รีบด่วน ควรยกเลิกการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ เรือดำน้ำไม่จัดซื้อได้หรือไม่ 2 ลำ เพราะไทยได้จัดซื้อเรือดำน้ำไปแล้ว 1 ลำ ในปี 2567 แต่ 2 ลำล่าสุดจะได้ในปี 2570 เมื่อถึงปีนั้นแล้วเรือดำน้ำจะไม่ทันสมัยแล้ว อาจจะต้องเสียค่าโง่ 20,000 กว่าล้านบาทได้ เรือดำน้ำซื้อไม่ได้จริงๆ" นพ.เรวัติ ระบุ
นพ.เรวัติ ระบุว่าล่าสุดมีเหมืองทองอัคราจะมาขอไทย 111 ล้านบาท โดย พล.อ.ประยุทธ์ จะนำไปเป็นค่าทนาย ในวันจันทร์ที่ 31 ส.ค.นี้ จะตนในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ จะขอตัดงบประมาณส่วนนี้ เราจะไม่ให้เงินส่วนนี้มาใช้เป็นค่าทนายในการต่อสู้เหมืองทองคำอัครา หลัง คสช.ใช้อำนาจมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 สั่งปิดเหมืองทองคำอัคราจนทำให้ไทยเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ
ด้าน นพ.เอกภพ จากพรรคก้าวไกล ระบุว่า สิ่งที่จะต้องทำคือเปลี่ยนความคิดใหม่ ประเทศไทยถ้าจะกลับไปสู่สถานะเดิม มีนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องระวังตราบาป และต่างชาติบางคนระวังจะถูกคนไทยเพ่งเล็ง และอาจถูกตำรวจขอตรวจว่ามีวีซ่าหรือไม่ ทำให้สังคมมองว่าต่างชาติเป็นอันตรายในประเทศ ทั้งนี้ วัคซีนเร็วสุดอาจจะต้องรอ 2 ปี ขณะเดียวกัน ทั่วโลกมีโรงแรมที่มีห้องพักว่างถึง 70 % สำหรับประเทศไทยมีความรุนแรงในภาคการท่องเที่ยว ส่วนสายการบินที่อาจจะล้มละลายในเรื่องโควิด-19 คือสายการบินนกแอร์และไลอ้อนแอร์ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวในประเทศลดลง นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ลดลง
นพ.เอกภพ เสนอว่า 1.ต้องให้ผู้ประกอบการอยู่รอดได้ ต้องสนับสนุนเอสเอ็มอีการท่องเที่ยวให้เกิดการจ้างงานในภาคการท่องเที่ยวได้ 2.กลับมาเปิดการท่องเที่ยวให้เร็วไม่กระทบต่อสาธารณสุข โดยเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรให้พร้อมแล้วเปิดประเทศ บางที่อาจจะต้องเปิดคาสิโนหรือการท่องเที่ยวระยะยาวหรือไม่ 3.ผู้ประกอบการท่องเที่ยวต้องปรับตัวให้อยู่ได้ และ 4.การหาว่าเมื่อไรมีคนติดเชื้อโควิด-19 แล้วต้องตรวจสอบได้ ระบบที่ไทยทำอยู่ก่อนหน้ามีระบบหมอชนะจะมีประสิทธิภาพกว่าไทยชนะ เพราะระบบหมอชนะ ถ้าตนติดเชื้อแล้วอยู่จะยิงระบบให้คนข้างๆไปตรวจเชื้อได้
พ.ต.อ.ทวี จากพรรคประชาชาติ ระบุว่า วิกฤตโควิด-19 กระทบการท่องเที่ยวการบริการ ตนขอเสนอ อ.ที่ 1คนต้องมีอาหารกิน อ.2 ต้องมีอาชีพมีงานทำ อ.3 ต้องมีอนามัย อ.4 คนทุกคนพื้นที่ต้องได้รับการส่งเสริมเรื่องอัตลักษณ์ อ.ที่ 5 ต้องสู้กับความอยุติธรรม ยกตัวอย่างการผูกขาดที่มองเห็นได้ชัด พร้อมเสนอให้รัฐบาลโอนงบประมาณมาช่วยคนในท้องถิ่น รวมทั้งประเทศไทยคนมีการปฏิรูปที่ดินอย่างจริงจัง ตนเสนอให้นำรัฐธรรมนูญปี 2517 เกี่ยวกับการปฏิรูปที่ดินมาใช้
พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า ต้องนำงบประมาณ 1 แสนล้านบาทส่งมาให้ประชาชนหรือภาคประชาสังคมได้ตรวจสอบประเมินความยุติธรรมถ้วนหน้า หากจะเปิดการท่องเที่ยวเสรีในบางแห่ง โดยนำคนต่างชาติเข้ามานั้น ตนเชื่อว่า จ.เชียงใหม่มีมูลค่า
นายสงคราม จากพรรคเพื่อชาติ ระบุ 7 ปีที่แล้วมีโจรมาปล้นทำให้ประเทศจนมาตลอด ก่อนโควิด-19 แย่อยู่แล้วเมื่อเจอโควิด-19 ก็ยิ่งตกเหว ขณะเดียวกัน เงินไปกระจุกไปที่คนรวย ถ้าเงินเหล่านี้ตกอยู่ที่ชาวบ้าน คนจน หรือคนทำงาน ผู้ใช้แรงงานด้านการบริการต่างๆ เขาได้เงินมาจะนำไปใช้จ่ายเพื่อพลิกฟื้นวิกฤตจากโควิด-19
นายนิคม จากพรรคพลังปวงชนไทย ระบุว่า รัฐบาลต้องยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นก่อน เพราะคนไทยยังไม่มีอารมณ์ท่องเที่ยว เมื่อจะเที่ยวก็นึกถึงหน้า พล.อ.ประยุทธ์ สมัยที่ยังไม่มีโควิด-19 คนต่างชาติก็ไม่อยากมาท่องเที่ยวในไทย แต่เศรษฐกิจในประเทศเจ๊ง เพราะรัฐบาลล็อกดาวน์คนไทย ตนจำได้ว่า โควิด-19 เข้ามาในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาแล้วมาระเบิดในสนามมวยลุมพินี แล้วรัฐบาลก็ปล่อยให้คนไทยกลับบ้าน หากรัฐบาลบริหารดี ตรงไหนมีโรคก็กักไว้ เมื่อโรคอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ล็อกดาวน์ในทุกจังหวัด ทำให้ประเทศไทยต้องเจ๊ง ทั้งนี้ คนไทยไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศมาแล้วกว่า 3 เดือน เมื่อทุกคนมีเชื้อไวรัสในร่างกาย ถ้าร่างกายแข็งแรง เชื้อไวรัสก็ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้น รัฐบาลต้องมีนโยบายสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทย
นายนิคม เสนอให้รัฐบาลตั้งกองทุนโดยยกเลิกเครดิตบูโรชั่วคราวไม่เล่นงานกับเอสเอ็มอีรายย่อย ส่วนเอสเอ็มอีขนาดกลาง รัฐบาลควรให้สินเชื่อด้วยดอกเบี้ยที่ถูกที่สุด ถ้าเอสเอ็มอีฟื้นหรือยังไม่ฟื้น ก็จะประคองธุรกิจไม่ให้ตัวเองเจ๊ง หรือยังสร้างลูกจ้างให้มีงานทำได้ ซึ่งจะทำให้ภาคธุรกิจอยู่รอดได้ พร้อมเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
จากนั้น เวทีเสวนาได้เปิดให้ผู้เข้าร่วมงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19ได้สะท้อนปัญหาไปถึงฝ่ายค้าน ถึงปัญหาการปิดประเทศห้ามนักท่องเที่ยวต่างชาติมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ทำให้ยังไม่ทราบชะตากรรมของอาชีพมัคคุเทศก์ การที่รัฐบาลมอบเงินเยียวยาให้ประชาชนคนละ 5,000 บาทนั้นสำหรับอาชีพมัคคุเทศก์ ที่ไม่มีงานทำอย่างไม่ทราบอนาคต และยังไม่มีเงินเยียวยามัคคุเทศก์ทั้งประเทศ เสนอฝ่ายค้านเน้นย้ำไปยังรัฐบาล ควรมีงบประมาณการสร้างงานให้กับอาชีพมัคคุเทศก์ ส่วนโครงการเราเที่ยวด้วยกัน งบประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท ธุรกิจที่ได้รับผลประโยชน์คือโรงแรมและสายการบิน ถ้าเพิ่มโครงการเที่ยวบริษัททัวร์ จะทำให้ไกด์มีงาน คนขับรถและคนทำอาชีพสปาจะมีงาน