'ดาวโจนส์' ทะยานกว่า 450 จุด ขานรับภาคการผลิตแกร่ง

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก เพิ่มขึ้น 454.84 จุด (1.6%) ปิดที่ 29,100.50 จุด ถือเป็นการปิดเหนือระดับ 29,000 จุดเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เดือน ก.พ. ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 54.19 จุด (1.5%) ปิดที่ 3,580.84 จุด ส่วนดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวขึ้น 116.78 จุด (1%) ปิดที่ 12,056.44 จุด

ตลาดวอลล์สตรีทปิดบวกอย่างแข็งแกร่ง หลังได้แรงหนุนจากตัวเลขภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ไอเอสเอ็ม) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 56.0 ในเดือน ส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค.ปีที่แล้ว จากระดับ 54.2 ในเดือน ก.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 54.5

ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะขยายตัว โดยขยายตัวเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่ได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน

การดีดตัวของดัชนีภาคการผลิตในเดือน ส.ค. ได้รับปัจจัยบวกจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19

ขณะที่ราคาหุ้นแอ๊ปเปิ้ล อิงค์ ดิ่งลงกว่า 3% ในวันพุธ โดยนักลงทุนพากันขายทำกำไร หลังจากทะยานขึ้น 4% เมื่อวันจันทร์ (31 ส.ค.) ซึ่งเป็นวันแรกที่มีการซื้อขายหลังจากบริษัทประกาศแตกพาร์ในสัดส่วน 4:1

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า แอ๊ปเปิ้ลเตรียมเปิดตัวไอโฟน 5G จำนวน 4 รุ่นในเดือนหน้า โดยจะเป็นรุ่นมาตรฐาน 2 รุ่น ส่วนอีก 2 รุ่นจะเป็นรุ่นไฮเอนด์

ที่ผ่านมา แอ๊ปเปิ้ลมักเปิดตัว ไอโฟนรุ่นใหม่ รวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในเดือน ก.ย. แต่ปีนี้เลื่อนเวลาออกไปเป็นเดือน ต.ค. เนื่องจากการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19

ไอโฟน 5G รุ่นมาตรฐานของแอ๊ปเปิ้ลจะมีหน้าจอ 5.4 นิ้ว และ 6.1 นิ้ว ส่วนรุ่นไฮเอนด์จะมีหน้าจอ 6.1 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว

ขณะนี้ แอ๊ปเปิ้ลได้แจ้งให้บริษัทซัพพลายเออร์ดำเนินการผลิตไอโฟน 5G จำนวน 75-80 ล้านเครื่องในปีนี้ ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนเครื่องที่มีการแจ้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า แอ๊ปเปิ้ลจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ เช่น แอ๊ปเปิ้ล วอทช์, ไอแพด แอร์ และโฮมแพด ในเดือนหน้าเช่นกัน

เมื่อวันที่ 19 ส.ค. แอ๊ปเปิ้ลกลายเป็นบริษัทจดทะเบียนแห่งแรกของสหรัฐและของโลก ที่มีมูลค่าตลาดมากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ หลังจากที่ทำสถิติแตะระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2561