อัยการสูงสุด เห็นชอบสั่งฟ้อง 'บอส อยู่วิทยา' อายุความ 15 ปี-จี้ตร.ตามล่า
อัยการสูงสุด เห็นชอบ คณะทำงานสรุปคดี “บอส อยู่วิทยา” แจ้ง 2 ข้อหา "เสพโคเคน-ขับรถประมาท” คดีอายุความ 10 ปี และ 15 ปี เผยใช้หลักฐานใหม่นอกสำนวน 2 ผู้เชี่ยวชาญคำนวณความเร็วเฟอร์รารี ส่งหลักฐานให้ ตร.ประสานตำรวจสากล นำตัวส่งฟ้อง
วานนี้ (18 ก.ย.2563) ที่ห้องประชุม 301 สำนักงานอัยการสูงสุด นายอิทธิพร แก้วทิพย์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา พร้อมนายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาและ นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะคณะทำงานพิจารณาสำนวนคดีนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ผู้ต้องหาคดีเมาแล้วขับแถลงความคืบหน้าการพิจารณาสั่งคดีของพนักงานอัยการ
นายอิทธิพร กล่าวว่า ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะทำงานตามคำสั่ง ที่ พิเศษ/2563 ลงวันที่ 26 ก.ค.2563 ซึ่งมีนายสมศักดิ์ ติยะวานิช รองอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะทำงาน กรณีนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด มีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ผู้ต้องหา ในข้อหา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่นถึงแก่ความตาย และต่อมา พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ รอง ผบ.ตร. ไม่แย้งคำสั่งดังกล่าว เป็นผลให้คำสั่งไม่ฟ้องเสร็จเด็ดขาด ตาม ป.วิอาญา มาตรา 145/1 ซึ่งคณะทำงานฯได้เสนอความเห็นไปยังอัยการสูงสุดว่า แม้คดีดังกล่าวจะมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องแล้ว แต่ปรากฏข้อเท็จจริงทางคดีว่าผู้ต้องหาได้เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 (โคคาอีน) แต่ยังไม่มีการดำเนินคดีใด ๆ กับผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวว
นอกจากนี้ยังปรากฏข้อเท็จจริงซึ่งอาจเป็นพยานหลักฐานใหม่ และเป็นพยานสำคัญ ที่จะพิสูจน์ให้ศาลลงโทษผู้ต้องหาได้ในประเด็นขับรถชนคนโดยประมาท ซึ่งตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญทั้ง 2 คน คือ นายสธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ ที่ได้คำนวณความเร็วของรถเฟอร์รารี ขณะเกิดเหตุ 110-145 กม./ชม.และนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ คำนวณความเร็วได้ที่ 160-190 กม./ชม. ซึ่งรับฟังได้ว่านายวรยุทธ ขับรถด้วยความเร็วเกิน 110 กม./ชม.แน่นอน อีกทั้งพยานทั้ง 2 คนก็ไม่ได้อยู่ในสำนวนมาก่อนจึงถือเป็นหลักฐานใหม่
คณะทำงานฯพิจารณาสำนวนพร้อมผลสอบสวนเพิ่มเติมแล้วจึงมีเอกฉันท์ ว่า หลักฐานใหม่และเป็นพยานสำคัญในคดีซึ่งน่าจะทำให้ศาลลงโทษผู้ต้องหาได้จึงสั่งฟ้องใน 2 ข้อหา คือ ขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่นถึงแก่ความตายตาม ป.อาญา มาตรา 291โดยแจ้งให้พนักงานสอบสวนนำผู้ต้องหามาเพื่อฟ้องต่อไป โดยคดีดังกล่าวมีอายุความ 15 ปี คดีขาดอายุความ 3 ก.ย.2570 และคดีเสพโคเคนเสพยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 2 โดยคดีมีอายุความ 10 ปี และคดีจะขาดอายุความ ในวันที่ 3 ก.ย. 2565
นายประยุทธ ชี้แจงว่าการพิจารณาสั่งฟ้องผู้ต้องหาใน 2 คดี ไม่ใช่เป็นการกลับคำสั่งฟ้องของนายเนตร นาคสุข รองอสส.เนื่องจากคำสั่งของนายเนตร ก็ถือเป็นคำสั่งที่ชอบโดยกฎหมายในช่วงขณะที่มีหลักฐานปรากฏอยู่ในสำนวนคดีแค่นั้น แต่การสั่งฟ้องของคณะทำงานฯชุดนี้ เนื่องจากปรากฏหลักฐานใหม่ โดยเฉพาะความเร็วของรถ และไม่ได้นำคำให้การหรือหลักฐานของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น มาพิจารณา เพราะพบว่ามีการเปลี่ยนความเร็วรถในครั้งแรกและครั้งที่สอง จาก 177 กม./ชม. เหลือ 80 กม./ชม.
“สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ทางอัยการจะแจ้งไปยังพนักงานสอบสวนให้นำตัวนายวรยุทธ มาส่งฟ้อง หากปรากฏหลักฐานว่านายวรยุทธ ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย หรือพักอาศัยอยู่ในต่างประเทศ จะต้องมีพิกัดชัดเจน โดยตำรวจจะต้องแจ้งมายังอัยการเพื่อขอตัวส่งผู้ร้ายข้ามแดน รวมทั้งประสานตำรวจอินเตอร์โพลให้จับกุมใหม่ เนื่องจากหมายจับเดิมใช้ไม่ได้แล้ว โดยพนักงานสอบสวนจะต้องทำคำร้องเข้าใหม่ เพื่ออัยการจะได้ส่งคำร้องได้ถูก"
“ข้อมูลของนายวรยุทธ พบล่าสุดในปี 2562 โดยมีผู้แจ้งเข้ามาว่า พบบุคคลที่มีลักษณะคล้ายนายวรยุทธ ที่เมืองมอลทรีออล ประเทศแคนาดา จึงได้ประสานไปยังตำรวจแคนาดา แต่ตำรวจแคนาดาแจ้งว่า ไม่มีประวัติและรายชื่อของนายวรยุทธเข้าเมือง” นายประยุทธ ระบุ
ต่อมา สำนักงานอัยการสูงสุด เผยแพร่เอกสารแถลงความคืบหน้าการพิจารณาสั่งคดีนายวรยุทธ โดยระบุว่า อัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้ว เห็นด้วยกับข้อเสนอของคณะทำงานดังกล่าว