'ซีพีเอฟ' จ้างเพิ่ม 8 พันอัตรา รับเด็กจบใหม่ร่วมฟื้นเศรษฐกิจ
"ซีพีเอ" จับมือ "กระทรวงแรงงาน" ขอมีส่วนช่วยชาติพลิกฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด-19 จัดทำ 3 โครงการ เพิ่มจ้างงาน 8,000 อัตรา ครอบคลุมพื้นที่กทม.และต่างจังหวัด สร้างทักษะฝีมือ ลดค่าครองชีพผู้ประกันตน
การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง ส่งผลให้เกิดปัญหาการว่างงานตามมา จากการที่หลายบริษัทมีการปรับลดพนักงานก่อให้เกิดปัญหาการว่างงานและปัญหาค่าครองชีพตามมา
นอกจากนี้กลุ่มนักเรียนนักศึกษาและบัณฑิตจบใหม่ที่จบการศึกษาในปีนี้ประมาณ 4 - 5 แสนคนยังมีความเสี่ยงที่จะไม่มีงานทำถือเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องใช้ความร่วมมือกันทั้งจากภาครัฐ และภาคเอกชนในการช่วยกันแก้ปัญห าขับเคลื่อนและฟื้นฟูเศรษฐกิจ
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ “ซีพีเอฟ” ได้มีการร่วมมือกับภาครัฐเพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจอและแก้ปัญหาว่างงานจากผลกระทบโควิด-19 โดยได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับกระทรวงแรงงานรวม 3 โครงการ ได้แก่
1.โครงการรับนักศึกษาจบใหม่ 8,000 อัตรา
2.โครงการพัฒนาทักษะฝีมือและสร้างผู้ประกอบการร้านอาหาร
3.โครงการลดค่าครองชีพของผู้ประกันตน
นายสุชาติ ชมกลิ่นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 ก.ย.2563 ได้เห็นชอบโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและเอกชน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และได้รับอนุมัติกรอบวงเงินไม่เกิน 19,462 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือการจ้างงานให้ผู้จบการศึกษาใหม่ได้มีงานทำ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพิ่มทักษะและประสบการณ์ในการทำงานโดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นประชาชนและผู้จบการศึกษาใหม่ 260,000 คน
ทั้งนี้ รัฐบาลจะจ่ายเงินอุดหนุนเงินเดือนให้ 50% ให้กับผู้จบการศึกษาใหม่ตามอัตราเงินเดือนแยกตามวุฒิไม่เกิน 7,500 บาทต่อเดือนต่อคน ในระยะเวลา 12 เดือนตั้งแต่ 1 ต.ค.2563-30 ก.ย.2564 โดยมีเงื่อนไขว่านายจ้างต้องอยู่ในระบบประกันสังคมและไม่เลิกจ้างลูกจ้างเดิมเกิน 15% ภายใน 1 ปี
โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากซีพีเอฟซึ่งถือเป็นภาคเอกชนที่มีความพร้อมและมีบทบาทในการช่วยเหลือประเทศชาติจากหลายๆวิกฤตที่ผ่านมา รวมทั้งโครงการที่เกิดขึ้นในครั้งนี้สอดคล้องกับนโยบาย “รวมไทยสร้างชาติ” ของรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลให้แรงงานจบใหม่ของไทยมีงานทำ มีความมั่นคง และยังช่วยสร้างผู้ประกอบการร้านอาหารขนาดเล็ก-กลาง เป็นพื้นฐานด้านเศรษฐกิจอันเข้มแข็ง
ส่วนของปัญหาของภาระค่าครองชีพที่กระทบถึงแรงงานในช่วงที่มีปัญหาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ถือเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ซีพีเอฟช่วยแบ่งเบาภาระโดยมีบริษัทได้ช่วยเหลือโดยการมอบคูปองส่วนลดพิเศษในการซื้ออาหารซึ่งเป็นปัจจัย 4 ของการดำรงชีพ ให้แก่ผู้ประกันตนทุกคนที่จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพได้ในช่วงเวลานี้
"ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง โดยสนับสนุนการจ้างงานระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้จบการศึกษาใหม่ให้ส่งเสริมการมีงานทำก่อน อย่างไรก็ตามมิให้ละเลยประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย มุ่งเน้นให้คนไทยต้องมีงานทำในทุกพื้นที่ เน้นเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ เพิ่มศักยภาพแรงงานและผู้ประกอบการในการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและแข่งขันได้อย่างยั่งยืนเพื่ออนาคตของประเทศไทย” นายสุชาติ กล่าว
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหารซีพีเอฟ กล่าวว่า สำหรับตำแหน่งงานทั้ง 8,000 อัตรา ที่ซีพีเอฟเปิดรับสมัครในโครงการนี้จะมีทั้งตำแหน่งงานในกรุงเทพฯและปริมณฑล และตำแหน่งงานในต่างจังหวัดทั่วทุกภูมิภาค แบ่งเป็นตำแหน่งงานในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลจำนวน 4,000 อัตรา และตำแหน่งงานต่างจังหวัดในทุกภูมิภาคทั่วประเทศอีก 4,000 อัตรา
ทั้งนี้ มีตำแหน่งงานที่ครอบคลุมหลายสาขาอาชีพ เช่น สัตวแพทย์ สัตวบาล วิศวกร นักวิจัยพัฒนาอาหาร นักวิทยาศาสตร์ และตำแหน่งเจ้าหน้าที่ IT ที่จะเข้ามาช่วยพัฒนางานด้านเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) และโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) งานด้านโลจิสติกส์ และงานบริการในร้านซีพีเฟรชมาร์ท และร้านอาหาร ซึ่งมีรายละเอียดใน www.cpfwolrdwide.com หรือ พบบูธ CPF ได้ในงาน JOB EXPO THAILAND 2020 จัดโดยกระทรวงแรงงาน วันที่ 26-28 ก.ย.2563 ณ ศูนย์การประชุมไบเทค บางนา
“การช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศเป็นหน้าที่ของทุกบริษัทที่มีขีดความสามารถ และการดำเนินโครงการร่วมกับกระทรวงแรงงานในครั้งนี้ถือว่าเป็นอีกโครงการใหญ่ของซีพีเอฟที่ได้ทำร่วมกับภาครัฐ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายGood Corporate Citizen ของบริษัทซึ่งมีการดำเนินนโยบายนี้อย่างต่อเนื่องแม้จะเกิดสถานการณ์ไวรัสโควิด-19อย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าความร่วมมือของทุกภาคส่วนจะทำให้ประเทศไทยก้าวข้ามวิกฤตนี้ไปได้” นายประสิทธิ์ กล่าว
ซีพีเอฟยังมีโครงการส่งเสริมการสร้างผู้ประกอบการร้านอาหารขนาดเล็ก-กลาง ผ่าน “โครงการสนับสนุนแฟรนไชส์ธุรกิจร้านอาหาร” เช่น ธุรกิจห้าดาวและสตาร์คอฟฟี่ โดยอบรมเสริมความรู้ยกระดับการเป็นผู้ประกอบการร้านอาหาร สร้างความเข้มแข็งให้เอสเอ็มอีไทยกว่า 4,500 ราย
สำหรับ 2 ธุรกิจดังกล่าวใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียงหลักหมื่นและใช้พื้นที่ขนาดเล็กกะทัดรัดในทุกแห่งทั่วทุกภูมิภาคของประเทศก็สามารถประกอบอาชีพธุรกิจห้าดาวและสตาร์คอฟฟี่ได้ทันที โดยบริษัทมีหลักสูตรอบรมและเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษา
โครงการนี้จะช่วยยกระดับทักษะฝีมือให้ทุกท่านเป็นผู้ประกอบการร้านอาหาร-ร้านกาแฟได้อย่างเป็นรูปธรรม นับเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพที่เป็นพื้นฐานการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้เป็นอย่างดี โดยผู้สนใจเข้าเป็นแฟรนไชส์ธุรกิจห้าดาวดูรายละเอียดที่เว็บไซต์ http://fivestar.in.th และผู้สนใจธุรกิจสตาร์คอฟฟี่ดูรายละเอียดที่เว็บไซต์ http://Starcoffee.in.th
ส่วนโครงการสุดท้าย คือ “โครงการคูปองแทนใจให้ผู้ประกันตน” จะเป็นการมอบคูปองส่วนลดสินค้าจากร้านซีพีเฟรชมาร์ท ให้ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของแรงงานในระบบ โดยมอบเป็นส่วนลดมูลค่ากว่า 2,000 บาทต่อคน ซึ่งผู้ประกันตนสามารถเข้าไปดูรายละเอียดส่วนลดได้ที่ Line: @CPFreshmart ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.-30 พ.ย.2563 โดยทรู คอร์ปอเรชั่น ยังมอบซิมทรูโซเชี่ยลพลัส ให้แก่ผู้ประกันตนด้วยโดยสอบถามรายละเอียดได้ที่ 1788