'หญิงหน่อย'จ่อเอาผิดคนปั้นหลักฐานเท็จปรักปรำทั้งที่มติ'ป.ป.ช.'ชี้ไร้ทุจริตซื้อคอมฯ900ล้าน
"สุดารัตน์" ขอบคุณ "ศาลปกครอง" ให้ความเป็นธรรม จน "ป.ป.ช." เปิดหลักฐาน คดีทุจริตซื้อคอมพิวเตอร์ 900 ล้าน หลังพบมีคนทำหลักฐานปรักปรำ จ่อดำเนินคดีอาญา ตัวการ ทั้งที่ มติ "ป.ป.ช." เอกฉันท์ ไร้โกง วอน "องค์กรอิสระ" ใช้อำนาจเที่ยงธรรม
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้ ป.ป.ช. เปิดข้อมูลคดียกเลิกการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ของกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2547 ตามที่คุณหญิงสุดารัตน์ ฟ้องคดีเพื่อแสดงความโปร่งใสของ ป.ป.ช. ว่า รู้สึกดีใจและขอบคุณศาลปกครองสูงสุดที่ให้ความเป็นธรรม คดีนี้สร้างตราบาปให้กับตนเองมาร่วม 14 ปีเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการยกเลิกการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ 900 ล้านบาทซึ่งเงินงบประมาณทั้ง 900 ล้านบาทก็ได้ส่งคือกระทรวงการคลังทั้งหมด ต่อมาคณะกรรมการป.ป.ช. ก็มีมติเป็นเอกฉันท์ ว่าไม่มีการทุจริต การยกเลิกโครงการเป็นการรักษาประโยชน์ราชการ
ทั้งนี้ เหตุเกิดหลังจากรัฐประหารมีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมากล่าวหา ทั้งที่ไม่มีการประมูลจัดซื้อใดๆ เลย และเงินทุกบาททุกสตางค์ทั้ง 900 ล้านบาท ได้ส่งคืนกระทรวงการคลังทั้งหมด ตนต่อสู้คดีกับ ป.ป.ช. อยู่ถึง 7 ปี จน ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ว่าตนและคณะไม่มีความผิด
ส่วนการที่ตนยื่นศาลปกครองฟ้อง ป.ป.ช. เพื่อขอให้ ป.ป.ช. เปิดหลักฐานในคดี ที่ตนพบว่ามีการทำหลักฐานเท็จมาปรักปรัมตนเองให้ได้รับผิด จึงต้องการให้เป็นบรรทัดฐานว่าองค์กรอิสระต้องพิจารณาทุกอย่างทุกเรื่องอย่างเที่ยงธรรม แท้จริง ไม่มีธง หรือ 2 มาตรฐาน ตนเคยเป็นคนหนึ่งในการสนับสนุนรัฐธรรมนูญปี 2540 ให้มี ป.ป.ช. หวังเห็น ป.ป.ช. ใช้อำนาจสุจริตและเที่ยงธรรม ในการตรวจสอบนักการเมืองไม่ให้กระทำทุจริต โดยไม่เป็นเครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายมีอำนาจเพื่อขจัดคู่แข่ง
แต่ในคดีของตนพบว่ามีการงอกหลักฐานที่เป็นเท็จหลายชุด และภายใน 30 วันนี้ ป.ป.ช. จะต้องส่งเอกสารมาให้ตนเกือบทั้งหมด ยกเว้นคำให้การของพยาน และถ้าพบว่ามีการทำเอกสารเท็จจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็จะต้องมีการดำเนินคดีอาญาต่อ
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า ตนไม่มีความอาฆาตมาดร้าย แต่ตัวเองอยู่ในระบบการเมืององค์กรอิสระต้องทำตนให้เที่ยงธรรม ตรวจสอบและลงโทษนักการเมืองอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช้อำนาจกลั่นแกล้งหรือไปตามธงตามที่เราได้ยินกันในช่วงหลายปีมานี้ จึงอยากให้กรณีนี้เป็นตัวอย่างเพื่อทำให้ระบบยุติธรรม เกิดการเปลี่ยนแปลง ยึดหลักนิติธรรม และมีความเที่ยงธรรมอย่างแท้จริง
“ขนาดเราเป็นผู้ที่ทำงานทางการเมือง เคยทำงานในตำแหน่งต่างๆ มาเรายังโดนขนาดนี้ ถ้าเป็นประชาชน เป็นคนทั่วไปที่เขาไม่มีกำลัง เขาเจอแบบเราเขาจะมีปัญญาไหนไปต่อสู้กับกระบวนการยุติธรรมที่ไม่ได้ให้ความเที่ยงธรรมกับเขา เราสนับสนุนให้ตรวจสอบนักการเมืองแต่ไม่ใช่ตรวจสอบตามธง ฝั่งนึงไม่เคยผิด อีกฝั่งผิดตลอด” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
เมื่อถามว่า หากมีการร้องต่อศาลแล้วถูกดึงเรื่องไปอีกจะทำอย่างไร คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่าไม่เป็นไร แต่ความเที่ยงธรรมต้องเกิด รวมทั้งระยะเวลาที่จะได้รับความเป็นธรรมก็สำคัญ หลายคนที่ร้องขอความเป็นธรรม แต่กว่าความเป็รธรรมจะมาถึง เขาต้องเสียชีวิตไปก่อน