KBANK ส่องกำไรแบงก์พาณิชย์ ไตรมาส3 ทรุด 66.5% หนี้เสียขยับ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดกำไรของระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส3คาด วูบ 66.5% หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน มาอยู่ที่ 3.08หมื่นล้าน จาก9.1หมื่นล้าน ในปีก่อนหน้า ขณะที่หนี้เสียเร่งขึ้นต่อ มาอยู่ที่ 3.25-3.35% ชี้ไตรมาส4เจอโจทย์ท้าทายหนัก หลังลูกหนี้เปราะบางพุ่ง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า กำไรสุทธิของระบบธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศไตรมาส 3 ปี2563 ยังเผชิญแรงกดดันต่อเนื่อง แม้คาดว่าระดับกำไรสุทธิอาจ ขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส2/2563
โดยคาด กำไรสุทธิลดลงมาอยู่ที่ 3.08 หมื่นล้านบาท ลดลง 66.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิที่ 9.16 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 3/2562 อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิระดับดังกล่าว ขยับขึ้นเล็กน้อยหากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ราว 3.7% จากค่าใช้จ่ายสำรองที่ลดลง
ด้านภาพรวมสินเชื่อ และ NIM ในไตรมาส 3/2563 ชะลอลง พร้อมกับสัญญาณถดถอยลงของ คุณภาพสินเชื่อในพอรต์คาดสินเชื่อของระบบธ.พ. ไทยอาจเติบโตในอัตราที่ชะลอลงมาที่ 4.5-4.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ในไตรมาส3/2563 จาก 5.1% ของไตรมาส2ปี 2563 เนื่องจากยังต้องประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตของลูกค้าที่มาขอสินเชื่อใหม่อย่างระมัดระวัง
ประกอบกับการชำระคืนหนี้ของภาคธุรกิจ โดยเฉาะรายใหญ่ บางราย ขณะที่หากดูข้อมูลจากธปท. สะท้อนว่า มาตรการช่วยเหลือของสถาบันการเงินทยอยครบกาหนดลง มีลูกหน้ีธุรกิจและ รายย่อยบางส่วนเริ่มกลับมาชำระคืนหน้ีในช่วงไตรมาส3/2563น้ีด้วยเช่นกัน
ด้าน NIM ไตรมาส 3/2563 ปรับลดลงมาอยู่ที่ 2.65-2.70% จาก 2.73% ในไตรมาส2/2563 โดยเป็นผลต่อเนื่องจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เงินกู้ในช่วงก่อนหน้านี้ ประกอบกับสินเชื่อปล่อยใหม่ส่วนใหญ่
รวมถึงสินเชือรีไฟแนนซ์ เป็นสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำลง ส่วนเพดานดอกเบี้ยใหม่ สำหรับสินเชื่อบุคคล และบัตรเครดิต จะเริ่มมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่ เดือนส.ค.2563ที่ผ่านมา
หากดูด้านคุณภาพสินเชื่อในพอรต์ ถดถอยลงตามสัญญาณอ่อนแอของเศรษฐกิจ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าสัดส่วน NPLs ของระบบธ.พ.ไทยในไตรมาส 3/2563 จะขยับขึ้นนมาอยู่ที่3.25-3.35% จากระดับ 3.21% ในไตรมาส2/2563 เนื่องจากยังอยู่ในช่วงพักหนี้ ของภาคธุรกิจ
ประกอบกับคาดว่าธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งกำลังเร่ง จัดการปัญหาหนี้เสียในเชิงรุกมากขึ้น ท้ังด้วยยวิธีการตัดขายหน้ีด้อยคุณภาพ และเร่ง ปรับโครงสร้างหน้ี
สำหรับสำรองหนี้สูญ คาดว่ายังอยู่ในระดับสูง ใน ไตรมาส 3/2563 แม้จะมีการตั้งสำรองก้อนใหญ่ไปแล้ว ในไตรมาส2ที่ผ่านมาจึงคาดว่า สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรอง อาจชะลอลงเล้กน้อยมาอยู่ในกรอบ 1.80-1.95%ในไตรมาส3/2563เทียบกับ 2.15%ในไตรมาส2/2563
โดยธนาคารพาณิชย์คงเตรียมความพร้อมในส่วนน้ีไว้เพื่อรองรับปัญหาคุณภาพหน้ีซึ่งจะเห็น ได้อย่างชัดเจนมากขึ้น หลังมาตรรพักหนี้ทยอยสิ้นสุดหลังต.ค.นี้
ทั้งนี้ หากประเมินไตรมาส 4 คาดว่า การประคองทิศทางรายไดและกำไรสุทธิจะเป็นโจทย์ที่ท้าทายมากขึ้นเนื่องจากต้องรับมือกับการบริหารจัดการปัญหาหนี้เสีย การดูแลปรับโครงสร้างหนี้ ค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองและอื่นๆที่จะเพิ่มสูงไปพร้อมกัน เนื่องจากลูกหน้ีกลุ่มเอสเอ็มอีส่วนใหญ่ยังมี สถานะทางการเงินที่เปราะบาง
ขณะที่สัญญาณอ่อนแอทางเศรษฐกิจที่ลากยาวต่อเนื่องอาจส่งผล กระทบต่อรายได้และความสามารถทำกำไรและความสามารถในการชระหนี้ของลูกหนี้ในอนาคต