เริ่มแล้ว ก.แรงงาน ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ผู้ประกันตนอายุ 50 ปีขึ้นไป
“ก.แรงงาน” คิกออฟ รณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ให้ผู้ประกันตนกลุ่มเสี่ยงอายุ 50 ปีขึ้นไป พร้อมเริ่มให้บริการ 15 ต.ค. ใน รพ.ประกันสังคมทั่วประเทศ
วันนี้ (15 ต.ค.2563) ที่โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นประธานเปิดกิจกรรมการให้บริการวัคซีนไข้หวัดใหญ่แก่ผู้ประกันตน วันเริ่มให้สิทธิฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่แก่ผู้ประกันตนกลุ่มเสี่ยงอายุ 50 ปีขึ้นไป ในโรงพยาบาลประกันสังคมพร้อมกันทั่วประเทศ
นายสุเทพ กล่าวว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (รมว.แรงงาน) มีนโยบายส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันโรคให้แก่ลูกจ้าง ผู้ประกันตน สำนักงานประกันสังคมจึงจัดให้มีการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคกรณีวัคซีนไข้หวัดใหญ่ (Influenza Vaccine) ให้แก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 และผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป เพื่อให้การคุ้มครองดูแลผู้ประกันตนซึ่งเป็นแรงงานสำคัญของประเทศในลักษณะของการป้องกันมากกว่าการรักษา และเพื่อลดขั้นตอนการคัดกรอง วินิจฉัยผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยจัดให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ณ สถานพยาบาลที่สำนักงานประกันสังคมกำหนดปีละ 1 ครั้งโดยปี 2563 เริ่มให้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมนี้ ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2563 ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป ให้บริการได้ระหว่างวันที่ 1 พ.ค. ถึงวันที่ 31 ส.ค. ของทุกปี
เลขานุการรมว.แรงงาน กล่าวต่อว่า วันนี้ (15 ต.ค.63) เป็นวันแรก ที่สำนักงานประกันสังคมให้สิทธิผู้ประกันตน กลุ่มเสี่ยงอายุ 50 ปีขึ้นไป เข้ารับบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในสถานพยาบาลในระบบประกันสังคมทั้งภาครัฐ และเอกชนที่มีอยู่ทั้งสิ้น 242 แห่ง ให้บริการพร้อมกันทั่วประเทศ สำหรับขั้นตอนการขอรับบริการ ผู้ประกันตนสามารถติดต่อขอรับบริการได้ที่สถานพยาบาลตามสิทธิการรักษา
หากสถานพยาบาลตามสิทธิการรักษา ไม่มีวัคซีนไข้หวัดใหญ่พร้อมให้บริการ ให้แจ้งลงทะเบียนขอรับบริการล่วงหน้าได้ที่ โทร.0 2956 2500 ถึง 2510 เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แน่นอน เมื่อไปรับบริการตามวัน เวลา ที่ลงทะเบียนไว้ ทั้งนี้ ขอให้ผู้ประกันตนมั่นใจว่าสำนักงานประกันสังคมจะดูแลผู้ประกันตน และพร้อมพัฒนางานด้านประกันสังคมให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องบนพื้นฐานปรัชญาการพัฒนาแบบยั่งยืน เพื่อให้เกิด ความมั่นคงต่อชีวิตและสุขภาพของผู้ประกันตนต่อไป