สวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจประชาชน ซัดประชุมสภาซ้ำเติมปัญหา
สวนดุสิตโพล ระบุชัดประชาชนเชื่อประชุมไม่แก้ปัญหา แค่ซื้อเวลาเพิ่มความขัดแย้ง
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง การเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ (เมื่อวันที่ 26-27 ต.ค. ที่ผ่านมา) กลุ่มตัวอย่างจ นวน 1,035 คน สำรวจระหว่างวันที่ 28 – 30 ต.ค. 2563 พบว่า ประชาชนเห็นว่าการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เป็นเพียงการยื้อเวลาของรัฐบาล ร้อยละ 41.94 ผลบวกที่เกิดจากการ อภิปราย คือ ได้เห็นท่าทีของแต่ละฝ่ายชัดเจนมากขึ้น ร้อยละ 57.20
ผลลบ คือ เป็นการเสียเวลา สิ้นเปลืองงบประมาณ ร้อยละ 53.18 เมื่อการอภิปรายเสร็จสิ้นแล้วเห็นว่าความขัดแย้งทางการเมืองน่าจะเหมือนเดิม ร้อยละ 54.40 และสภาพการเมืองไทยหลังจากนี้ก็จะยังเหมือนเดิม ร้อยละ 51.69
อุณหภูมิทางการเมืองที่ร้อนแรงมากยิ่งขึ้นในช่วงนี้ ท่าทีของรัฐบาลเป็นปัจจัยส าคัญที่ส่งผลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งของบ้านเมือง การตัดสินใจเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญของนายกฯ เป็นก้าวแรกของการแสดงออกให้เห็นถึงความต้องการในการแก้ปัญหา ทั้งนี้ประชาชนมองว่าเป็นเพียงการยื้อเวลาของรัฐบาลเท่านั้น แต่ก็ท าให้ได้เห็นความชัดเจนของทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านมากขึ้น หากรัฐบาลยังคงมีท่าทีเช่นนี้สถานการณ์บ้านเมืองก็น่าจะคงมีความขัดแย้งกันต่อไป
ความล้มเหลวของการประชุมครั้งนี้มีอยู่3 ปัจจัยที่ทำให้เห็นว่า ระบบรัฐสภาของไทยยังไม่สามารถเป็นที่พึ่งพิงได้
เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ทางการเมือง ปัจจัยแรกก็คือ การตั้งหัวข้อในการอภิปรายของการประชุม พบว่าการตั้งหัวข้อนั้นมี
เจตนาอย่างชัดเจนที่จะท าให้เกิดการถกเถียงว่าใครเป็น “ฝ่ายผิด” ต่อวิกฤตการเมืองในครั้งนี้ปัจจัยที่สอง คือ การคัดสรร ผู้อภิปรายของฝ่ายรัฐบาลที่คัดสรรนักการเมืองที่มีภาพลักษณ์ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมมาเป็นผู้อภิปราย ปัจจัยที่สาม เห็นว่าความล้มเหลวเกิดจากทัศนคติของนักการเมืองในสภาซึ่งรวมถึงสมาชิกวุฒิสภาที่ต่างมองเห็นประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม