บริษัทไทยเกาะติดนโยบาย 'ไบเดน' ชี้คาดการณ์ธุรกิจง่ายขึ้น
ธุรกิจไทยเกาะติดนโยบาย “ไบเดน” มั่นใจกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ หนุนการบริโภค การนำเข้า “ซีพีเอฟ” ชี้คาดการณ์ทางธุรกิจง่ายขึ้น ผู้ส่งออกประเมินสหรัฐกดดันประเด็นค้ามนุษย์ต่อ จับตาสหรัฐหวนกลับเจรจา CPTPP
ผลการเลือกตั้งสหรัฐจะมีผลต่อนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งที่ผ่านมามีหลายธุรกิจของไทยที่เข้าไปลงทุนในสหรัฐหรือมีการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐ โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าหลายรายการที่ไทยมีส่วนแบ่งการตลาดในสหรัฐสูง
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยกับกรุงเทพธุรกิจว่า การที่นายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ จะมีผลทำให้นักธุรกิจคาดการณ์เชิงธุรกิจได้ง่ายขึ้น ซึ่งปกตินักธุรกิจต้องการอะไรที่คาดการณ์ได้ โดยถ้าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจมีความชัดเจน 70-80% ก็สามารถเตรียมบุคลากรสำหรับขยายธุรกิจได้
ทั้งนี้ ปัจจุบันซีพีเอฟมีธุรกิจในสหรัฐ ซึ่งที่ผ่านมาได้เข้าไปซื้อกิจการบริษัท Bellisio Parent, LLC ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสำคัญในสหรัฐ โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารพร้อมปรุง รวมทั้งได้เข้าไปลงทุนในแคนาดาด้วยการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ HyLife Investments Ltd.(HIL) ซึ่งถือหุ้นใน HyLife Group Holding Ltd. (Hylife) เป็นธุรกิจสุกรในแคนาดาที่ส่งขายในตลาดสหรัฐนั้น ถือว่าเป็นการลงทุนในอเมริกาเหนือ ซึ่งไม่น่าจะได้รับผลกระทบหรือไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับกรณีที่สหรัฐเลือกตั้ง
“การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐไม่กระทบธุรกิจโดยตรงกับซีพีเอฟ และสินค้าซีพีเอฟที่ส่งออกไปสหรัฐมีแหล่งผลิตหลายแห่งทั้งไทย เวียดนามและอินเดีย” นายประสิทธิ์ กล่าว
นอกจากนี้ หากมองการเลือกตั้งครั้งนี้กับภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งผู้นำสหรัฐมีผลต่อทิศทางเศรษฐกิจ ในมุมมองส่วนตัว แล้วคิดว่าทุกคนต้องการให้เศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ดังนั้น หากไบเดนชนะการเลือกตั้ง จะทำให้เห็นทิศทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะนายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย กล่าวว่า การส่งออกทูน่าและกุ้งของไทยในตลาดสหรัฐ ไม่ได้สิทธิพิเศษทางด้านภาษีใดๆ การส่งออกถูกเรียกเก็บภาษีเต็ม ดังนั้นการเลือกตั้งประธานาธิบดี ไม่ว่าจะเป็นใครที่ได้รับตำแหน่งจะไม่มีผลกระทบสินค้า2 ชนิดของไทย
นายสมศักดิ์ ปณีตัญธศัย นายกสมาคมกุ้งไทย กล่าวว่า ไม่ว่าใครจะได้รับตำแหน่งก็ไม่ส่งผลกระทบกับการส่งออกกุ้งของไทย เนื่องจาก ไม่มีสิทธิจีเอสพีอยู่แล้ว หากไบเดน ขึ้นรับตำแหน่ง การเจรจากับจีนจะไม่ไม่ก้าวราว ซึ่งอาจไม่ถึงกับการผ่อนคลาย เพราะไบเดนยังต้องคำนึงถึงประชาชนสหรัฐที่บางกลุ่มไม่ยินยอมเพราะถือว่าสหรัฐต้องเป็นผู้นำของโลก คิดว่าไบเดน จะมีวิธีการอื่นที่เจรจากับจีน
ส่วนผลกระทบเรื่องสถานการณ์การค้ามนุษย์ (TIP) ที่สหรัฐจัดอันดับการค้ามนุษย์ของสหรัฐ (Tier) อยู่ระดับ 2 คาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงเพราะพิจารณาตามผลงานทุกปี
นายชนินทร์ ชลิศราพงศ์ สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย (TTIA) กล่าวว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐไม่กระทบกับทูน่าของไทย เนื่องจากไทยไม่ได้จีเอสพีในสินค้าทูน่า ในขณะที่สหรัฐยังสั่งสินค้าไทยต่อเนื่อง เพราะโควิดทำให้ความต้องการกักตุนอาหารมากขึ้น ยิ่งในช่วงหน้าหนาวจะเพิ่มขึ้นอีก โดยการที่รัฐบาลไทยคุมโควิดได้ ทำให้สหรัฐมั่นใจการผลิตที่ปลอดภัย นอกจากนี้ทูน่าของจีน มีราคาสูงกว่าไทยมาก หลังจากสงครามทางการค้าทำให้สหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าถึง 25%
ส่วนTier นั้น รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับปัญหาแรงงานต่างด้าว ปัจจุบันที่ประเทศเพื่อนบ้านมีปัญหาโควิดระบาด ทำให้แรงงานอยากกลับเขามาในไทยมาก แต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะไทยยังปิดประเทศ
นายยุทธนา ศิลป์สรรค์วิชช์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม กล่าวว่า หากไบเดนได้รับเลือกตั้ง เงินดอลลาร์มีแนวโน้มแข้.ค่าขึ้นเล็กน้อยซึี่งจะสอดคล้องกับค่าเงินบาทให้อ่อนค่าในสัดส่วนที่เหมาะสม ขณะที่ด้านนโยบายการค้าที่จะมีผลต่อการส่งออกของไทยเชื่อว่ามีแนวโน้มดีขึ้น เพราะเงื่อนไข หรือกฎระเบียบทางการค้าจะมีความยืดหยุ่นมากกว่าทรัมป์ที่ค่อนข้างตึงเกินไป ไม่มีความประนีประนอมเท่าที่ควร
ส่วนด้านการลงทุน คาดว่าจะมีเงินลงทุนโดยตรงต่างประเทศ (FDI) จากสหรัฐในทิศทางที่เป็นบวกมากขึ้น ซึ่งจะส่งเสริมให้ไทยมีบทบาทเป็นจุดยุทธศาสตร์ในเอเชียแปซิฟิกมากขึ้น
“ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกน่าจะดีขึ้นด้วย ทั้งการผ่อนคลายสงครามการค้ากับจีนและยุโรป การควบคุมโควิดในสหรัฐที่จะส่งผลดีผลดีต่อการ lock down ทั่วโลก ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกดีขึ้น รวมถึงการขับเคลื่อนกลไกดับเบิลยูทีโอด้วย”
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า กรณีไบเดนชนะเลือกตั้งจะทำให้นโยบายเศรษฐกิจและการค้าเปิดเสรีตามระเบียบปฏิบัติสากลมากขึ้น ดังนั้น มีโอกาสที่ไบเดนจะนำสหรัฐกลับมาอยู่ในกติกาขององค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) รวมถึงการเข้าร่วมซีพีทีพีพีค่อนข้างแน่นอน เพื่อคานอำนาจจีนที่เป็นผู้นำในอาร์เซ็ป
ทั้งนี้ หากไทยไม่เข้าร่วมซีพีทีพีพีอาจทำให้ไทยเสียขีดความสามารถในการแข่งขันได้ โดยก่อนหน้านี้ที่ไทยได้พิจารณาในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาผลกระทบจากการเข้าร่วมซีพีทีพีพี สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งดูผลดีผลเสียภายใต้บริบทที่ไม่มีสหรัฐจึงอาจไม่สำคัญมากนัก เพราะตลาดหลักในการส่งออกของไทยคือสหรัฐอยู่แล้ว
“ถ้าไทยไม่เข้าร่วมซีพีทีพีพีในกรณีที่สหรัฐกลับมาเข้าร่วมจะทำให้ไทยเสียเปรียบคู่แข่ง เช่น เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน ที่เข้าร่วมไปก่อนหน้านี้แล้ว”นายวิศิษฐ์ กล่าว
สำหรับสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ มองว่า อาจไม่รุนแรงเหมือนสมัยทรัมป์ ซึ่งคงไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าสงครามการค้าแต่ยังคงมาตรทางภาษีกับจีนอยู่ตามนโยบายที่ไบเดนให้ไว้ถึงการทบทวนมาตรการทางภาษีกับจีน ซึ่งน่าจะส่งผลให้บรรยากาศการค้าโลกดีขึ้น
ทั้งนี้แนวทางการเปิดเสรีทางการค้าของไบเดน ย่อมส่งผลดีกับการค้าของไทยการค้าระหว่างประเทศทั่วโลก และจะเอื้อประโยชน์กับไทยมากกว่านายทรัมป์ที่ใช้ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี