'บิ๊กตู่'เผยประเทศ'ประชาธิปไตย' มี'เศรษฐี'แบบ'ไทย' ชี้ไม่ใช่ต้นเหตุความยากจน
"บิ๊กตู่" เผย อย่ามอง "เศรษฐี" ต้นเหตุ "ยากจน" ชี้ ประเทศเสรี เป็นแบบนี้หมด ลั่น "เหลื่อมล้ำ" มีมานาน ต้องดูวันนี้อะไรดีขึ้นบ้าง เผย "ต่างชาติ" ยอมรับ "ไทย" ยัน "รัฐบาล" จะทำให้ 70ล้านคน สุขยั่งยืน-พอเพียง แม้ความต้องการมนุษย์ ไม่มีวันเพียงพอ
ที่แกรนด์ฮอลล์ ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก ถนนวิทยุ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาและปาฐกถาในงานสัมมนา “ภาคธุรกิจไทยในวิถียั่งยืน”
โดยนายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า เราคงไม่สามารถเดินหน้าประเทศด้วยภาครัฐเพียงอย่างเดียวภาคเอกชน ประชาชน ต้องปรึกษาหารือกันเพื่อหาแนวทางที่ถูกต้องที่สุด เมื่อคิดว่าแนวทางไหนดีที่สุด ก็ต้องสร้างการรับรู้ประชาชนเพื่อการปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความร่วมมือ ภาคธุรกิจระดับบนรายได้สูง ถ้ามองว่าที่รายได้สูงเพราะเขารวย เรียกว่าอะไรที่ทะเลาะกันอยู่ทุกวันนี้ มองว่าเป็นเศรษฐี ทำให้คนอื่นยากจน ต้องมองย้อนกลับว่าก่อนหน้านั้นเขาสร้างตัวมาอย่างไร ถ้าไม่คิดแบบนี้ก็ไม่เป็นธรรมกับทุกคน ตนไม่อาจเข้าข้างใครได้ ทั้งโลกก็เป็นแบบนี้ มีมหาเศรษฐีแบบนี้โดยเฉพาะประเทศที่เป็นประชาธิปไตย ที่เรียกว่าเสรีประชาธิปไตยก็เป็นแบบนี้ทั้งหมด เพียงแต่ทำอย่างไรระดับข้างล่าวลงมาจะยกระดับให้ดีขึ้น อยู่ในห่วงโซ่ไม่ถูกเอาเปรียบ รัฐต้องหาวิธีดำเนินการให้เกิดความเป็นธรรม
นายกฯ กล่าวว่า ตนพูดหลายครั้งแล้ว ประเทศเราต้องให้คนของเรามอง2อย่าง มองวันนี้และอนาคต มองสิ่งไกลตัวก่อนมองสิ่งใกล้ตัว ถ้ามองใกล้ตัวก่อนไม่มีทางทำให้พอใจทุกคนได้หลายอย่างเป็นเรื่องโครงสร้าง การทำงานระยะยาว อาจเกิดประโยชน์ตรงโน้น แต่ตรงนี้ยังไม่ถึง นี่เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดความคิดที่สับสนอลหม่านไปหมด เราต้องช่วยกันตรงนี้จะอยู่กันอย่างไร ถ้าเปรียบเทียบต่างประเทศ ตนดูจากโทรทัศน์ช่องต่างประเทศ ก็เห็นเขามีความสุขของเขา อาจแตกต่างของเรา เขามีชุมชนเมือง ชุมชนชนบท ของเราเป็นชุมชนเมืองเกือบทั้งหมดชนบทยากจนก็ยากจนไปเลย อยู่กันไม่ได้ เกิดความแตกต่างมากมาย สิ่งแรกที่ควรทำคือ คนทุกคนควรเข้าถึงโอกาสใช้ทรัพยากรของประเทศ ไม่ว่าจะป่า โครงสร้างพื้นฐาน รัฐบาลปรับแก้มาเยอะพอสมควร ไปติดตามดู
นายกฯ กล่าวว่า อุปสรรคของบ้านเราตนคิดว่า มีอยู่ แต่ตนก็ต้องมองว่าโอกาสของไทยมีมหาศาล เป็นศูนย์กลางของภูมิรัฐศาสตร์ของอาเซียน เราต้องไม่ทำลายจัดนี้ลงไปด้วยความไม่มีเสถียรภาพ ไม่มีความมั่นคงปลอดภัยในประเทศไทย ต้องไม่ทิ้งตรงนี้ ถ้าลืมตรงนี้ มันไปหมด ไม่ว่าศักยภาพอะไรก็ตาม รอยยิ้มคนไทย จิตให้บริการ การท่องเที่ยว มันไปหมด สิ่งเหล่านี้เราลืมไม่ได้ ธรรมชาติงดงาม อาหารอร่อย ราคาถูก ทุกคนยอมรับหมด ต้องรักษาให้ได้
"เวลาผมคุยกับผู้นำประเทศ เอกอัครราชทูตต่างๆ หลายปีที่ผ่านมาผมคุยทุกประเทศ เขาก็พอใจประเทศไทย มีความสุขที่ได้อยู่ในประเทศไทย เขาภูมิใจ จนกระทั่งวันนี้ การที่จะมาต่างประเทศของหลายประเทศ เขาเลือกประเทศไทยเป็นเป้าหมายประเทศอันดับ1ที่จะมาเป็นทูตนั่นคือสิ่งที่ผมเผชิญหน้ามา ผมก็ไม่เคยพูดให้ใครฟัง หลายคนบอกมีคนไม่คุยกับผม ผมก็เห็นเขาคุยกับผมทุกคน ข้อตกลงหลายอย่างเกิดมาตั้งหลายปีแล้ว การประชุมหลายอย่าง ผมก็ไปทุกการประชุม เขาเชิญผมทุกประเทศ ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ต้องเข้าใจร่วมกัน เราต้องช่วยกันอย่างไร ผมไม่ได้บอกว่าคนนี้ถูก คนโน้นผิด แล้วผมถูก ไม่ใช่ ต้องฟังทุกคนแล้วใคร่ครวญ สิ่งที่ทำดีหรือยัง" นายกฯ กล่าวว่า
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลมองว่าจะทำอย่างไรให้คนไทย70ล้านคน มีความสุขอย่างยั่งยืนพอเพียง ทุกคนไม่อาจจะมีทุกอย่างเหมือนกันได้หมด แต่นั่นคือความต้องการของมนุษย์ ไม่มีวันเพียงพอ ถูกไหม ตนยอมรับหลักการตรงนี้ ก็ขึ้นอยู่กับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีเหตุมีผลพอประมาณ มีภูมิคุ้มกันที่ดี ท่านพระราชทานให้หมดแล้ว แต่ปัญหาคือนำสู่การปฏิบัติอย่างไรทุกอย่างอยู่ที่จิตใจของคน ไม่เช่นนั้นก็ขัดแย้งกันอยู่อย่างนี้
"เราต้องสร้างพื้นฐานประชาชนของเราให้เข้มแข็งด้วยหลักการเศรษฐกิจเอเพียง ไม่ได้สอนให้คนจน ให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีตามฐานะที่ตัวเองมีอยู่ด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ได้สอนให้ประหยัด คนละเรื่องคนละบริบทของพระองค์ท่าน ท่านรับสั่งคนละงาน นี่คือความมีเหตุมีผล มีความพอประมาณในการใช้จ่าย ท่านรับสั่งให้ปลา ให้เบ็ด บางคนให้เบ็ดก็ไม่มีเหยื่ออีก บางคนให้ปลา บางคนอาจให้เหยื่อ เพื่อให้มีความพร้อมอยู่ได้วันนี้ วันนี้คนไทยที่อยู่ระดับต้ำกว่าเส้นรายได้ความยากจนเป็นสิบล้าน" นายกฯ กล่าว
"เรื่องการเหลื่อมล้ำ กระจายรายได้ไม่เป็นธรรม มันเป็นมาตั้งนานแล้ว ทุกวันนี้ดูสิว่าอะไรดีขึ้นบ้าง ถ้าเราไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงเลยผมคิดว่าไปไม่ได้หรอก ต้องเปรียบเทียบช่วง 5ปี 10ปี20ปี ที่ผ่านมา แต่ละรัฐบาลมีอะไรเปลี่ยนแปลงแล้วบ้าง บางคนไม่รู้เลย" นายกฯ กล่าว