อธิการบดีราชภัฏโคราช เสนอเปิดเวที 'คุยลับ' คู่ขัดแย้งการเมือง หาทางออกประเทศ
"ดร.อดิศร เนาวท์นนท์" อธิการบดีราชภัฏโคราช เสนอเปิดเวที "คุยลับ" คู่ขัดแย้งการเมือง หาทางออกประเทศ
วันนี้ (12 พฤศจิกายน 2563) ผศ.ดร.อดิศร เนาวท์นนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ โดยเสนอทางออกของประเทศขณะนี้ ระยะยาวต้องปฏิรูประบบการศึกษาไทยใหม่ ให้คนไทยรู้จักวิเคราะห์เป็น รู้จักหน้าที่ของพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
แต่การแก้ปัญหาระยะสั้นนั้น ต้องวิเคราะห์ว่า ความขัดแย้งขณะนี้คืออะไร ความขัดแย้งขณะนี้เกิดจากกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ รู้สึกไม่พอใจการได้มาซึ่งอำนาจของรัฐบาล แม้ว่าจะมาจากการเลือกตั้ง แต่ได้มาด้วยกลไกที่ถูกออกแบบมาในรัฐธรรมนูญที่บิดเบี้ยว แปลกประหลาดที่สุดในโลก โดยเฉพาะที่ให้มี ส.ว.จำนวน 250 คน ที่มาจากการแต่งตั้งของรัฐบาล คสช.เข้ามามีส่วนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ และยังมีการออกแบบรัฐธรรมนูญในหลายประเด็น จนส่งผลให้รัฐบาลชุดนี้เข้ามาสู่อำนาจได้
อีกทั้งยังส่งผลให้พรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ถูกยุบพรรคด้วย ก็ยิ่งทำให้เกิดความไม่พอใจเพิ่มขึ้น ประกอบกับเจอเศรษฐกิจไม่ดี ประชาชนได้รับผลกระทบตกงานกันเป็นจำนวนมาก ดังนั้นตนจึงเห็นด้วยที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ปัญหาคือ ข้อเรียกร้องที่ให้นายกรัฐมนตรีลาออก แล้วทำให้เกิดช่องว่างขึ้น จะเอาใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี และหากนายกรัฐมนตรีลาออก มองในยุทธศาสตร์การเมืองก็เหมือนว่ารัฐบาลกำลังแพ้ม็อบ ซึ่งฝั่งรัฐบาลหรือฝั่งที่เชียร์รัฐบาลเองคงจะไม่ยอมแน่
ดังนั้นหากรัฐบาลต้องการอยู่ต่อก็ต้องอย่ายื้อเวลาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้ว่าเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นหน้าที่หลักของรัฐสภา แต่ก็ต้องมีการรับข้อเสนอของทุกฝ่ายด้วย ไม่ว่าจะเป็นของไอลอว์ ของกลุ่มผู้เรียกร้อง และกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาล ซึ่งหากจะทำให้เรื่องนี้เป็นไปได้ ก็ต้องมีการเปิดเวทีคุยกันระหว่างผู้ที่มีความขัดแย้งตัวจริงทุกฝ่าย
โดยไม่ต้องมาตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ ซึ่งอาจจะเปิดพื้นที่เซฟโซนคุยกันในทางลับไม่ต้องเปิดทางสาธารณะ ของผู้มีอำนาจผู้มีบารมีที่เป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองตัวจริง ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ, นายทักษิณ ชินวัตร, นายปิยะบุตร แสงกนกกุล, และผู้ที่มีอำนาจเหนือรัฐบาล เป็นต้น ที่ต้องให้เปิดเวทีเซฟโซนคุยกันในทางลับ เพราะจะได้มีการพูดคุยต่อรองกันได้ในทุกเรื่อง รวมทั้งอาจจะต้องให้มีการนิรโทษกรรมผู้ที่ถูกกลั่นแกลงทางการเมืองด้วย เพื่อให้ได้มาซึ่งทางออกของประเทศอย่างแท้จริง