'บิล คลินตัน‘ ชี้สัมพันธ์ ’สหรัฐ-จีน‘ เปลี่ยนเพราะ ’สี จิ้นผิง'
“บิล คลินตัน” แนะ “โจ ไบเดน” ร่วมมือชาติพันธมิตรสกัดจีน ชี้สัมพันธ์สหรัฐ-จีน เปลี่ยนเพราะการปกครองภายใต้ "สี จิ้นผิง" ยาวนาน
บิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ แสดงความเห็นว่า การปกครองจีน เป็นระยะเวลายาวนานของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ส่งผลกระทบต่อทิศทางความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน พร้อมกับแนะว่า คณะบริหารชุดใหม่ของสหรัฐ ภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน จะต้องร่วมมือกับชาติพันธมิตรมากขึ้นเพื่อรับมือกับจีน
นายคลินตันกล่าวว่า สหรัฐสามารถเสริมสร้างจุดยืนในการเจรจากับจีนด้วยการผนึกกำลังกับกลุ่มพันธมิตรจากยุโรปและเอเชีย
ทั้งนี้ เมื่อปี 2561 จีนได้ยกเลิกการจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งปูทางให้สี จิ้นผิง เป็นผู้นำประเทศต่อไปอีกหลายปี และเมื่อเดือนที่แล้ว ปธน.สีได้ประกาศเป้าหมายที่จะขยายขนาดเศรษฐกิจของจีนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 2578 ซึ่งบ่งชี้ว่า เขาวางแผนที่จะอยู่ในอำนาจต่อไปในอนาคตอันใกล้
นายคลินตันกล่าวว่า ระบบจีนแบบเก่าซึ่งไม่ได้เป็นประชาธิปไตย ยังเปิดโอกาสให้มีการถกเถียงและเปิดกว้าง เพราะมีการหมุนเวียนตัวผู้นำอยู่เป็นประจำ แต่ “ตอนนี้ มีเพียงบุคคลเดียวที่ตั้งใจจะบริหารประเทศไปตลอดชีวิต ซึ่งทำให้สิ่งต่างๆ เปลี่ยนไป แต่เราไม่ควรยอมรับหรือคิดว่าทุกอย่างมันจะแย่ หากเราไม่พยายามทำให้มันดีขึ้น”
นอกจากนี้ นายคลินตันยังกล่าวถึงความไม่ลงรอยที่ชัดเจนระหว่างสหรัฐและจีนต่อประเด็นด้านการจำกัดเสรีภาพในฮ่องกงและการจัดการกับชาวมุสลิมอุยกูร์ในมณฑลซินเจียงทางตะวันตกของจีน แต่ย้ำว่า ทั้งสองประเทศจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำงานร่วมกันในด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทั้งนี้ นายคลินตันกล่าวว่า ไบเดนจะทำงานเพื่อเสริมสร้างบทบาทของสหรัฐในองค์กรระหว่างประเทศ เช่น องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) ซึ่งทรัมป์ประกาศว่าจะนำสหรัฐถอนตัวออกไป