เจาะภารกิจ “สุรินทร์”แม่ทัพช่อง 3 พลิกภาพทีวี สู่ยักษ์ใหญ่คอนเทนท์

 เจาะภารกิจ “สุรินทร์”แม่ทัพช่อง 3  พลิกภาพทีวี สู่ยักษ์ใหญ่คอนเทนท์

ผ่าหมากรบช่อง 3 กับการทรานส์ฟอร์มสู่การเป็นผู้ผลิตคอนเทนท์ "ยักษ์ใหญ่" เดินหน้าสร้างแม่น้ำ 3 สาย สร้างรายได้ พร้อมเคลือนทัพทีวีให้มี "กำไร" ปีหน้า

อุตสาหกรรมทีวีดิจิทัลยังไร้วี่แววฟื้นตัว ดิจิทัล ดิสรัปชั่นที่ว่าโหดหิน เป็นตัวแปรใหญ่ที่บรรรดาสถานีโทรทัศน์ต้องต่อสู้ ทรานส์ฟอร์มองค์กรให้รอด ควบคู่การพัฒนาคอนเทนท์ ทั้งละคร ซีรี่ส์ รายการวาไรตี้ และข่าว เพื่อตรึงคนดูให้อยู่หมัด ไม่ทันจะพ้นปากเหว เจอวิกฤติใหญ่ที่สะเทือนทั้งโลก จากโรคโควิด-19 ระบาด จนประเทศล็อกดาวน์ คนอยู่บ้าน

แม้เหตุจากไวรัสร้ายจะทำให้คนดูทีวี เรทติ้งขยับ แต่สินค้าและบริการกลับชะลอการใช้เงิน เพราะเทงบไปอาจจะลายน้ำ เนื่องจากผู้บริโภคไม่ใช้จ่าย คนทำทีวีจึงเหนื่อยหนักต่อไป

ช่อง 3” ไม่เพียงเผชิญวิกฤติเหมือนกับทุกธุรกิจ แต่ช่วงที่มรสุมรุมเร้า องค์กรมีการปรับเปลี่ยนแม่ทัพจากอริยะ พนมยงค์มาสู่ลูกหม้อคนคุ้นเคยอย่าง สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ ซึ่งกลับมานั่งในตำแหน่ง กรรมการผู้อำนวยการ สายธุรกิจโทรทัศน์ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด(มหาชน) ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

ภารกิจสำคัญของสุรินทร์คือการทำให้ช่อง 3 แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในโลกที่ภูมิทัศน์สื่อเปลี่ยน และขาดไม่ได้คือผลการดำเนินงานทั้ง รายได้-กำไร” ต้องฟื้นตัวจากหดตัว ติดลบ ให้กลับมาเป็นบวกในปี 2564

การกลับมาขับเคลื่อนธุรกิจทีวีที่ช่อง 3 มีโจทย์ยากอะไรบ้างสุรินทร์ให้มุมมองว่าการทำธุรกิจยากทุกที่แต่แนวทางการดำเนินงาน สิ่งที่โฟกัสจะไม่เหมือนเดิม ยิ่งกว่านั้น หลังจากการประชุมกับทีมผู้บริหารมีการกำหนดวิสัยทัศน์ให้ช่อง3 ต้องเป็นมากกว่าทีวีโดยการพึ่งพารายได้จากเม็ดเงินโฆษณาจะไม่ใช่ตะกร้าใบใหญ่ใบเดียวอีกต่อไป แต่กระจายสู่แม่น้ำ 3 สาย

160704033694

เหตุผลเพราะอุตสาหกรรมโฆษณาทางทีวียังคงดิ่งสุรินทร์ประเมินปี 2558-2568 เม็ดเงินของลูกค้าที่ใช้จ่ายผ่านทีวีจะลดลงรวม 50% จากปีนี้ตกไปแล้ว 40% และปี 2566 จะหดตัวรวม 46-47%

ขณะที่แม่น้ำ 3 สาย จะเป็นแหล่งรายได้ ประกอบด้วย 1.ทีวี ซึ่งจะเห็นการผลิตคอนเทนท์คุณภาพเสิร์ฟคนดู ไม่ว่าจะเป็นละคร 1 ปีมีมากถึง 30-40 เรื่อง รายการวาไรตี้ที่คนนิยมดูน้อยลง เพราะทางเลือกในการเสพคอนเทนท์มีมากมาย หากทำรายการเดิมๆย่อมมยากจะประสบความสำเร็จ ต้องคิดใหม่ ส่วน ข่าว ที่ทำรายได้รองจากละคร เตรียมพลิกเกมรบเพื่อให้รายการข่าวกลับมา “ดัง” อีกครั้ง จึงเตรียมหาผู้ดำเนินรายการที่ดึงคนดูได้ เป็นต้น

“2-3 ปีที่ผ่านมา รายการข่าวของช่อง 3 โดดเด่นลดลง เพราะช่องข่าวจะโหมข่าวเต็มที่ ส่วนพฤติกรรมคนดูมีการเปลี่ยนแปลง ภาพรวมมีการเน้นคอนเทนท์เฉพาะด้าน

แม่น้ำสายที่ 2 ป้อนคอนเทนท์เสิร์ฟแพลตฟอร์มต่างๆ โดยเฉพาะออนไลน์ ผนึกโอทีที”(Over The Top) ในตลาด จากปัจจุบันมีพันธมิตรทั้งวีทีวี, เน็ตฟลิกซ์, อ้ายฉีอี้ และจะเห็นความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์เพื่อผลิตออริจินัล และแม่น้ำสาย 3 คือการขายลิขสิทธิ์คอนเทนท์เจาะตลาดต่างประเทศทั่วโลก เพราะช่อง 3 มีแต้มต่อจำนวนคอนเทนท์ เฉพาะละครมีนับ พันเรื่อง” โดยต้นทุนเดิมแต่ต่อยอดสร้างรายได้ 3 ต่อ รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มสามพลัส(3+)สู่มิติใหม่ให้ตอบโจทย์คนดูยิ่งขึ้น

160704059528

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาช่อง 3 มีการออกอากาศละครคู่ขนาน(Simulcast)ไปต่างแดนหลายเรื่อง เช่น ร้อยเล่ห์มารยาออกอากาศในไทยและ 10 ประเทศ ทั้งจีน อินเดีย มาเลเซีย สำหรับโครงสร้างสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่ๆ ปีนี้ครองสัดส่วน 20% ทีวี 80% แต่การรุกตลาดในปีหน้า ตั้งเป้าหมายรายได้ใหม่แตะ 25%

เรายังคงเน้นธุรกิจทีวีสร้างรายได้ แต่จะกระจายไปสู่สื่อใหม่และตลาดโลกมากขึ้น เพราะจากวิชั่นของเราต้องเป็นมากกว่าทีวี โดยจะเป็นผู้ผลิตคอนเทนท์ขนาดใหญ่ ต่อยอดซิงเกิล คอนเทนท์ สู่มัลติแพลตฟอร์ม

บทบาทแม่ทัพธุรกิจทีวี นอกจากทำให้ธุรกิจเติบโต ภารกิจการลดต้นทุนยังมีให้เห็น ก่อนหน้านี้บริษัทเขย่าโครงสร้างพนักงานอีกครั้ง ทำให้สิ้นปีจะเหลือคนทำงานต่ำกว่า 1,000 ชีวิต แต่กระนั้นการก้าวสู่ออนไลน์มากขึ้น ยังคงเปิดรับคนทำงานที่มีทักษะใหม่ๆ รวมถึงคนทำงานเดิม ต้องเพิ่มทักษะตนเองรับโลกอนาคตด้วย

คนของเรายังเยอะอยู่ และจากนี้ไปคนทำงานต้องปรับทักษะ เพราะโลกดิจิทัลกระทบธุรกิจทีวีโดยตรง เป็นเส้นเป็นเส้นตายในอนาคต

อย่างไรก็ตาม จากแผนงานดังกล่าวสุรินทร์คาดหวังจะทำให้ช่อง 3 พลิกทำกำไรได้ภายในปีหน้า และรายได้เติบโตในอัตรา 2 หลัก ส่วนปีนี้ยังต้องดูผลประกอบการ แม้ไตรมาส 3 จะมีกำไร แต่เกิดจากการลดต้นทุน ส่วนแนวโน้มอุตสหากรรมโฆษณา หากเศรษฐกิจโลกฟื้น การเมืองไทยมีเสถียรภาพ และโควิดคลี่คลาย เชื่อว่าสินค้าและบริการจะกลับมาใช้จ่ายผ่านสื่อโทรทัศน์อีกครั้ง