สธ.ขอร.ร.-สถานที่ทำงานทบทวน"กักตัว"คนจาก 2 จ.
สธ.เผยวันครบระยะ 14 วันเฝ้าระวังโควิดใน 7 จ.เกี่ยวท่าขี้เหล็ก กรณีบุคลากรทางการแพทย์ 7 รายรวดติดโควิด-19 ลงพื้นที่ตรวจพบเชื้อบน “ลูกบิดประตู”ในASQ ส่วน“กักตัว”คนกลับจากเชียงใหม่-เชียงราย เกินจำเป็น ขอร.ร.-ที่ทำงานทบทวนมาตรการ ย้ำไม่ใช่คำแนะนำสธ.
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข ในการแถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) กล่าวว่า ไทยตรวจพบผู้ติดโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 15 รายเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ทั้งหมด แยกเป็นผู้เดินทางมาจากประเทศ สหรัฐอาหรับเอมิเรตตส์ 2 ราย ฮ่องกง 1 ราย ฮังการี 1 ราย ฝรั่งเศส 1 ราย สหราชอาณาจักร 2 ราย อินเดีย 2 ราย บาห์เรน 1 ราย อเมริกหา 1 ราย เมียนมา 3 ราย และบราซิล 1 ราย ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ มีเพียง 1 รายที่มีอาการเจ็บคอ ภาพรวมประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อสะสม 4,261 ราย หายแล้ว 3,977 ราย เสียชีวิต 60 ราย บังรักษาตัว 224 ราย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ความคืบหน้าการสอบสวนควบคุมโรคที่เกี่ยวข้องกับกรณีจ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ตั้งแต่ปลายเดือนพ.ย.- 16 ธ.ค. 2563 (เวลา 08.00 น.) พบผู้ติดเชื้อจำนวน 67 ราย ในจำนวนนี้เป็นการพบเชื้อหลังเข้าอยู่ในสถานที่กักกันในพื้นที่(Local State Quarantine:LQ) 48 ราย มีเพียง 2 รายที่เป็นการติดเชื้อในประเทศ ส่วนที่เหลืออีก 17 ราย เป็นผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองผ่านช่องทางธรรมชาติและเดินทางไปใน 7 จังหวัดโดยแต่ละจังหวัดนั้นจะครบระยะเฝ้าระวัง 14 วัน คือ จ.เชียงราย วันที่ 19 ธ.ค.2563เพราะรายที่พบต่อมาเป็นการพบในสถานที่กักกันทั้งสิ้น จ.เชียงใหม่ วันที่ 16 ธ.ค.2563 จ.พะเยา วันที่ 15 ธ.ค.2563 กรุงเทพฯ วันที่ 20 ธ.ค.2563 จ.พิจิตร วันที่ 15 ธ.ค.2563 จ.ราชุบรี วันที่ 16 ธ.ค.2563 และจ.สิงห์บุรี วันที่ 18 ธ.ค.2563
“ส่วนกรณีที่พบบุคลากรทางการแพทย์ 7 รายติดโควิด-19จากการปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่กักกันทางเลือก(Alternative State Quarantine:ASQ)และการใช้ชีวิตประจำวันร่วมกันนั้น กรมควบคุมโรค(คร.)ได้แสดงความเป็นห่วง เพราะจากการไปดูพื้นที่ปรากฎว่าใน ASQ แห่งนั้นมีเชื้อติดอยู่บนลูกบิดประตู ซึ่งเป็นจุดที่มีการสัมผัสกันมาก กลายเป็ความเสี่ยง จึงกำชับว่าในการทำความสะอาดอย่าลืมลูกบิดประตู หรือจุดเสี่ยงที่เป็นจุดสัมผัสร่วมต่างๆ”นพ.ทวีศิลป์กล่าว
ด้านนพ.วิชาญ ปาวัน ผู้อำนวยการสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง(สปคม.) กรมคร. กล่าวว่า ยังไม่มีการรายงานติดเชื้อในประเทศเพิ่มเติมและกลุ่มก้อนการระบาดในประเทศไทย สำหรับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับจ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา และ 7 จังหวัดของประเทศไทยที่มีรารายงานผู้ติดเชื้อที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายเดินทางไปนั้น ขอให้มั่นใจว่ามีความปลอดภัย สามารถไปเที่ยวได้ เพียงแต่คงมาตรการในการป้องกันส่วนบุคคล สวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ล้างมือบ่อยๆและสแกนไทยชนะ
“ผุู้ที่เดินทางมาจาก 7 จังหวัดดังกล่าว ทุกคนไม่ได้มีความเสี่ยงกว่าคนอื่น จึงไม่จำเห็นต้องกักตัว สามารถใช้ชีวิตได้ปกติ อย่างไรก็ตาม ทราบว่ามีการสั่งกักตัวนักเรียน ครู และพนักงานที่เดินทางกลับจากจ.เชียงรายและ เชียงใหม่ ถือเป็นมาตรการเกินความจำเป็น ซึ่งการที่กักตัวอาจส่งผลกระทบต่อการเรียน จิตใจ และกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้มีคำแนะนำให้กักตัวผู้ที่เดินทางจากเชียงราายและเชียงมหม่ ขอให้โรงเรียนและสถานที่ทำงานทบทวนมาตราการดังกล่าว หากมีข้อสงสัยสอบถามได้ที่สายด่วน 1422”นพ.วิชาญกล่าว
นพ.วิชาญ กล่าวด้วยว่า สำหรับความก้าวหน้าการสอบสวนโรคกรณีบุคลาทางการแพทย์ติดเชื้อในASQ กทม. ยอดสะสม 7 รายเท่าเดิม ข้อสรุปจากการสอบสวนโรคกลุ่มก้อนนี้เป็นการติดเชื้อจากปฏิบัติงานใน ASQ โดยข้อสันนิษฐาน คือ 1 รายติดเชื้อจากผู้เข้าพักที่เดินทางมาจากต่างประเทศและแพร่กระจายให้กลุ่มเพื่อนที่คลุกคลีนอกเวลางาน แต่ไม่ได้แพร่ต่อไปบุคลากร และเจ้าหน้าที่ASQอื่นๆ การระบาดของกลุ่มก้อนนี้อยู่เพียงวงจำกัด สถานการณ์ควบคุมได้ และผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทุกรายถูกกักตัวตามมาตรฐาน โดยจะมีการตรวจหาเชื้อ 3 ครั้ง โดยตรวจแล้ว 2 ครั้งไม่พบติดเชื้อเพิ่มเติม
“บทเรียนจากกรณีนี้ได้มีการทบทวนมาตรการต่างๆ โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.)ตรวจสอบมาตรฐานและการบริหารจัดการของASQอย่างเคร่งครัf ส่วนรพ.เอกชนคู่สัญญาASQทุกแห่งจะจัดให้มีเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบด้านความปลอดภัยของบุคลากรทุกแห่ง เตรียมความพร้อมวัสดถุอุปกรณ์ และการป้องกันการติดเชื้อระหว่างปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด”นพ.วิชาญกล่าว