ไม่เกินเลยนักหากจะชี้ชัดว่า “วัคซีน” ได้กลายเป็นทั้ง “ความหวัง” และ “ชี้เป็นชี้ตาย” ของภาคท่องเที่ยวไทยปี 2564
เพราะนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อต้นปี 2563 กินเวลามานานร่วม 1 ปี ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยอย่างหนักหนาสาหัส! ประกอบกับปัจจุบันมีประเด็นเรื่องการกลายพันธุ์ของโควิด-19 ที่แตกต่างไปจากสายพันธุ์เดิมจากจีน โดยขณะนี้ พบว่ามีการกลายพันธุ์อย่างน้อย 7 สายพันธุ์แล้ว รวมถึงความกังวลเรื่องหากวัคซีนเข้าถึงคนทั้งโลกช้าเกินไป เกรงว่าลมหายใจของผู้ประกอบการท่องเที่ยวอาจขาดห้วงไปเสียก่อน!
ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า “วัคซีน” เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อ “การเปิดประเทศ” รับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย โดยสิ่งที่ต้องจับตาคือสถานการณ์การเข้าถึงวัคซีน ทั้งเรื่องราคาและจำนวนคนที่เข้าถึงวัคซีนได้จริง เพราะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลกจะกลับมาเป็นปกติได้ก็ต่อเมื่อผู้คนเกือบทั้งโลกสามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างน้อย 70-80%
นอกเหนือจากปัจจัยเรื่องวัคซีน และดีมานด์การเดินทางระหว่างประเทศแล้ว ปัจจัยที่จะทำให้ไทยกลับมาเปิดประเทศได้อีกครั้งยังขึ้นอยู่กับ “มาตรการด้านสาธารณสุข” ว่าจะรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มากน้อยขนาดไหน แม้จะเกิดการแพร่ระบาดรอบใหม่จากกรณีโควิดสมุทรสาครเมื่อกลางเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา แต่ ททท.เชื่อมั่นว่าด้วยมาตรฐานด้านสาธารณสุขของไทย จะสามารถผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปได้
ขณะเดียวกันยังขึ้นกับ “ความรู้สึกของคนไทย” ยิ่งมีสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อแบบเคสนำเข้า (Import Case) และมีการระบาดในกลุ่มแรงงานชาวเมียนมา ยิ่งส่งผลต่อความกังวลของคนไทยต่อเรื่องการนำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปอีก ททท.จึงต้องดำเนินการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเป็นขั้นตอนและระมัดระวัง เพื่อให้คนไทยกลับมายอมรับอีกครั้ง
อีกปัจจัยที่สำคัญเช่นกันคือ “Ease of Travelling” การอำนวยความสะดวกในการเข้าเมือง ต้องหาส่วนผสมที่ลงตัว (Good Combination) ระหว่างมาตรฐานด้านสาธารณสุขและความสะดวกสบายในการเดินทาง โดยปัจจุบันปริมาณการบินยังไม่ฟื้นตัวกลับไปมากเหมือนเดิม ยังเป็นเที่ยวบินกึ่งพาณิชย์ (Semi-Commercial Flight) อยู่ ต่างจากก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 ที่อยากเดินทางไปไหน ก็สามารถจองตั๋วเดินทางได้ทันที
และสุดท้าย “นโยบายของประเทศต้นทาง” ว่าสามารถอนุญาตให้คนในประเทศนั้นๆ เดินทางมาไทยได้หรือไม่ อย่างกรณีของประเทศจีน หลังจากรัฐบาลไทยออกวีซ่าประเภทพิเศษ (Special Tourist Visa : STV) เพื่อดึงนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศความเสี่ยงต่ำเรื่องโควิด แต่รัฐบาลจีนก็ประกาศย้ำต่อชาวจีนว่าอย่าเพิ่งเดินทางออกนอกประเทศในช่วงนี้
สันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า วัคซีนจะเป็นหนึ่งปัจจัยเรื่องความปลอดภัยที่ประเทศไทยทำได้ดี และต้องโปรโมทให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเห็นและวางใจกลับมาเที่ยวไทยอีกครั้ง โดยเรื่องของวัคซีนที่ไทยจะสามารถผลิตได้เองกลางปี 2564 เป็นต้นไป และมีกำลังการผลิตราว 200 ล้านโดสต่อปี เมื่อใช้เพียงพอกับคนในประเทศ ก็สามารถกระจายวัคซีนส่วนที่เหลือไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ในฐานะ “วัคซีนฮับ” ของภูมิภาค
“นอกจากนี้ยังมองว่าจะเห็นภาพของการจัดทัวร์ฉีดวัคซีน พาชาวต่างชาติเข้ามาฉีดวัคซีนในไทยและท่องเที่ยวในไทยต่อ ซึ่งจะเป็นธุรกิจใหม่ที่เกิดขึ้น สิ่งสำคัญคือการพัฒนาการให้บริการของโรงพยาบาลและบริการทางการแพทย์ต่างๆ ให้พร้อมรองรับ” ซีอีโอไทยแอร์เอเชียกล่าว
สอดคล้องกับ พอลล์ กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี กล่าวว่า กุญแจหลักตอนนี้หนีไม่พ้นเรื่องวัคซีน หากผลลัพธ์ดี จะช่วยฟื้นความมั่นใจด้านการเดินทางของตลาดการจัดประชุม ท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล สัมมนา และจัดแสดงสินค้า (MICE : ไมซ์) จากต่างประเทศ โดยคาดว่านักเดินทางกลุ่มไมซ์จะสามารถเดินทางเข้าไทยได้แบบไม่ต้องกักตัวราวเดือน ส.ค.-ก.ย.2564 เป็นต้นไป