'ศาลฯ'สั่งจำคุก'ไพร พัฒโน'2ปีทุจริตสร้างวัตถุมงคลหลวงปู่ทวดฯ

เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 63 นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีและโฆษกสำนักงานอัยการปราบปรามทุจริตภาค9 เปิดเผยว่า วันนี้ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 9 มีคำพิพากษาคดี คดีหมายเลขแดงที่ อท 58/2563 ที่พนักงานอัยการคดีปราบปรามทุจริตฯภาค 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายไพรพัฒโน บุตรชายนายไสว พัฒโน อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลย ขณะนายไพรดำรงตำแหน่งนายกเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา

โดยพฤติการณ์แห่งคดีกล่าวคือ จำเลยได้ออกคำสั่งอนุมัติเบิกจ่ายเงินนำเงินสะสม จำนวน 20 ล้าน บาท ของเทศบาลนครหาดใหญ่ มอบให้มูลนิธิฯ นำไปดำเนินการสร้างวัตถุมงคลหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด  และกรณีออกคำสั่งให้มูลนิธิฯ จ่ายเงินให้แก่นายจักรกฤษณ์ ทวนทองฝ่ายประชาสัมพันธ์โครงการจัดสร้างวัตถุมงคลหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด รุ่น “มงคลมหาราช” จำนวน 3,373,300 บาท และกรณีออกคำสั่งอนุมัติเบิกจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายวัตถุมงคลหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด จำนวน 7.5 ล้านบาท ของเทศบาลนครหาดใหญ่ ให้กับนายสุรพันธุ์  อติชาตนันท์ ผู้จัดการโรงงานพัฒนช่าง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสร้างวัตถุมงคลหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดเพิ่มเติม

โดยจำเลยไม่ได้ ปฏิบัติตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง ของราชการในโครงการจัดสร้างวัตถุมงคลหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด รุ่น “มงคลมหาราช” ไม่ตั้งคณะกรรมการกำหนดราคากลาง ไม่ทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง ไม่ทำฎีกาเบิกเงินค่าจ้าง และอื่นๆ  ตามระเบียบของทางราชการ

โดยคดีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด ทางอาญาแก่จำเลย ต่อมาอัยการสูงสุดมีคำสั่ง รับดำเนินคดีอาญายื่นฟ้องจำเลยความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151,157 อันเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทรวมทั้งหมด  7 กรรม  จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 พิเคราะห์แล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จำคุก 2 ปี ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก

นายโกศลวัฒน์กล่าวว่า สำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 คือเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดซื้อจัดจ้าง และใช้อำนาจโดยทุจริต ส่วนมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต ซึ่งอัยการ ดำเนินคดีตามมาตรา 151 และ 157 ทุกกรรม รวม 7 กรรม หรือการกระทำ ซึ่งแต่ละกรรมเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ศาลอาญาคดีทุจริตฯภาค 9 พิพากษาวันนี้ คู่ความมีสิทธิทางกฎหมายสามารถยื่นโต้แย้ง คำพิพากษา หรือในคดีทั่วไปเรียกว่ายื่นอุทธรณ์ ได้ทั้งสองฝ่ายภายใน1เดือน

ในส่วนของอัยการปราบปรามทุจริตภาค 9 นายชัยวัฒน์ สุวรรณยอด อัยการพิเศษฝ่ายฯเจ้าของสำนวน จะพิจารณาคำพิพากษา และทำความเห็นเสนอผ่านอธิบดีอัยการ ปราบปรามทุจริตภาค9 ถึงอัยการสูงสุดต่อไปว่า ควรโต้แย้งคำพิพากษาในชั้นอุทธรณ์ต่อไปหรือไม่ภายในหนึ่งเดือนในชั้นนี้หน้าที่ของทางฝ่ายอัยการก็ต้องรอคำสั่งอัยการสูงสุด ว่าจะโต้แย้งคำพิพากษาต่อไปหรือไม่ เพื่อดำเนินการต่อไปตามหน้าที่ ที่กฎหมายกำหนด

นายโกศลวัฒน์ กล่าวต่อด้วยว่า สำหรับกรณีข้าราชการท่านใดที่ไม่มั่นใจว่า การปฏิบัติหน้าที่จะทำถูกต้องตามระเบียบราชการหรือไม่ สำนักงานอัยการปราบปรามการทุจริตภาค 9 ยินดีให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อให้ปฏิบัติถูกต้องตามกฏหมาย