ผู้ตรวจการแผ่นดิน สั่งรัฐจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุและเงินบำนาญพิเศษ เหตุเป็นเงินคนละก้อน
ผู้ตรวจการแผ่นดิน สั่งรัฐจ่ายทั้งเบี้ยผู้สูงอายุและเงินบำนาญพิเศษ ระบุเป็นเงินคนละก้อนกันเพื่อตอบแทนผู้ทำคุณให้ประเทศ พร้อมให้แก้ระเบียบภายใน 120 วัน โดยผู้ที่ได้รับเงินไม่ต้องจ่ายคืนรัฐ ส่วนผู้นำมาคืนแล้วถือมีเจตนาไม่รับเบี้ยดังกล่าว
เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 64 พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน หารือร่วมกับ พล.ต.อรรถพล แผ้วพาลชน หัวหน้าอัยการทหาร กระทรวงกลาโหม, นางแก้วกาญจน์ วสุพรพงศ์ รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง, น.ส.ทิวาพร ผาสุข ผู้อำนวยการกองบริหารการรับ-จ่ายเงินภาครัฐ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง, นายกฤษดา สมประสงค์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิต กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย และนางอภิญญา ชมพูมาศ รองอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนกรณีการเรียกคืนเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ได้รับซ้ำซ้อนกับเงินบำนาญพิเศษ หลังนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย มายื่นให้ตรวจสอบและเสนอแนวทางแก้ไขไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ ให้หาทางออกให้กับผู้ได้รับผลกระทบซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ และมีฐานะค่อนข้างยากจน
พล.อ.วิทวัส เปิดเผยว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติว่า เงินบำนาญพิเศษเป็นคนละก้อนกับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ซึ่งบำนาญพิเศษให้เพื่อตอบแทนให้กับข้าราชการที่ปฎิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติและเกิดการพิการ ทุพพลภาคหรือเสียชีวิตตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญปี 2494 กำหนดให้รัฐต้องดูแลข้าราชการเหล่านั้น ถ้าเสียชีวิตก็ได้กำหนดเงื่อนไขว่า บุตรจะได้รับจนถึงอายุ 20 ปี สามีหรือภรรยาถ้าไปแต่งงานใหม่ก็จะหมดสิทธิรับเงินดังกล่าว แต่พ่อแม่จะได้รับจนกว่าจะเสียชีวิต ซึ่งแสดงว่าเงินทั้ง 2 ส่วนเป็นคนละก้อนกัน จึงมีสิทธิได้ทั้ง 2 ส่วน
ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปี 2552 ให้ผู้ที่ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ให้ได้รับบำนาญพิเศษด้วย โดยให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน หรือดำเนินการโดยไม่ชักช้า
ส่วนผู้ที่ได้รับเงินไปแล้ว ถือว่าได้มาโดยสุจริต ต้องไปกำหนดบทเฉพาะกาลขึ้นมา โดยไปเทียบเคียงกับคำพิพากษาศาลฎีกาหมายเลขคดีที่ 10850 ซึ่งถือว่าเป็นลาภที่ไม่ควรได้ ก็ไม่ต้องไปเรียกเงินคืนจากบุคคลนั้นๆ สำหรับในรายบุคคลที่นำเงินมาคืนภาครัฐแล้วถือว่าท่านแสดงสิทธิเจตนารมณ์ที่จะมาคืน ไม่ได้เดือดร้อน หรือเป็นผู้มีรายได้น้อย ก็แสดงว่ามีเจตนาว่าจะไม่รับเงินก้อนนี้ จะขอเงินที่คืนไปแล้วกลับไม่ได้ แต่หากแก้ไขระเบียบแล้วเสร็จ ผู้ที่เคยได้รับบำนาญพิเศษ ก็สามารถยื่นแสดงเจตนาว่าประสงค์จะรับเบี้ยชีพผู้สูงอายุ ก็ยังสามารถทำได้