ข่าวดี! ผู้ว่าฯ สมุครสาครอาการดีขึ้น ปอดฟื้น90%

นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เผยความคืบหน้าอาการผู้ว่าฯสมุทรสาคร อาการเริ่มดีขึ้นทุกวัน สามารถสื่อสารโต้ตอบได้ในช่วงเวลาตื่น ซึ่งมีอาการต้านเครื่องช่วยหายใจเล็กน้อย แต่ไม่น่าเป็นห่วงเนื่องจากช่วงที่ยังไม่มีการหายใจ แต่เครื่องช่วยหายใจจะมีการกระตุ้น อยู่ในช่วงของการฝึกให้ชินกับการให้สามารถกลับมาหายใจได้ด้วยตนเอง และความเร็วที่เหมาะสม ในส่วนของปฏิกิริยาตอบสนองสามารถทำตามคำบอกได้

ในขณะนี้ประสิทธิภาพปอดของท่านผู้ว่าฯ มีการวัดผลอยู่ 2 วิธี 1. ภาพเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ จากการเอกซเรย์ปอดธรรมดามีอาการดีขึ้นมาก เพราะฉะนั้นตอนนี้คิดว่าปลอดภัยจนสามารถนำไปเอกซเรย์คอมพิวเตอร์

2. ดูระดับแก๊สในกระแสเลือด หากส่งแก๊สเข้ากระแสเลือดแล้วได้ปริมาณที่ต้องการก็แสดงว่าปอดสามารถทำงานได้ดีพอ ดังนั้นปอดของท่านผู้ว่าฯ ต้องดีพอ จึงจะสามารถไม่ใช้เครื่องช่วยหายใจ ในช่วงนี้เป็นการค่อย ๆ เริ่มถอดเครื่องช่วยหายใจเป็นอีกหนึ่งวิธีในการฝึกหายใจด้วยตนเอง

ซึ่งเครื่องช่วยหายใจของศิริราชนับว่าเป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูง เครื่องจะมีการปรับโหมดและสามารถตรวจวัดระดับได้ว่าคนไข้เป็นผู้ที่สามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง ในขณะนี้ได้มีการปรับระดับโหมดเองไปเรื่อย ๆ เครื่องจะเป็นตัวกระตุ้นให้น้อยลง ให้ท่านผู้ว่าฯ เป็นคนกระตุ้นเครื่องด้วยตนเองมากขึ้น ซึ่งในอดีตเครื่องช่วยหายใจเป็นการกำหนดการหายใจเป็นจำนวนครั้ง ซึ่งต่างจากปัจจุบันเรียกได้ว่าเป็นโหมดสนับสนุนการหายใจ

ในช่วงแรกของการเอกซเรย์ปอด พบว่าปอดมีสีขาว ซึ่งปกติแล้วปอดต้องเป็นสีดำเพราะเป็นลม ปอดของท่านผู้ว่าฯ เป็นสีขาว เนื่องจากในปอดมีน้ำทำให้อากาศเข้าไปในปอดไม่ได้ แต่ขณะนี้กลับมาใกล้เคียงปกติ ดีขึ้น 90% เมื่อเทียบกับของเดิม

และส่วนของการเจาะคอที่มีการดูดเสมหะ เมื่อมีการหายใจได้ด้วยตนเองและสามารถขับเสมหะเองได้ สามารถนำท่อที่บริเวณเจาะคอออกได้ ระยะเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ แผลจะปิดเองดังเดิม ซึ่งการเจาะคอเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สภาวะทุกอย่างดีขึ้น เป็นการแก้การติดเชื้อ เมื่อนำออกแล้วการออกเสียงต่าง ๆ จะค่อย ๆ มีการปรับตัวเนื่องจากในช่วงแรกลมจะมาออกที่บริเวณคอ แต่สุดท้ายก็จะกลับมาปกติได้ตามเดิม

ขณะนี้ทีมแพทย์มีความกังวลเพียงอย่างเดียวคือ เนื้อปอดสามารถกลับมาปกติ ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และจะเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนตัดสินใจเอาเครื่องช่วยหายใจออก ปัญหาอื่น ๆ ตอนนี้ยังไม่มีที่น่าเป็นห่วง และจำนวนยาที่ค่อย ๆ ลดลงควบคู่กัน มีการเปลี่ยนจากยาฉีดเป็นยากิน รูปแบบของอาหารยังเป็นการให้แบบระบบทางเดินอาหาร แทนการให้ผ่านเส้นเลือด