การเมือง
"พิธา" ปลุก "สภาฯ" โหวตถอดถอน "ประยุทธ์" ชี้สลักแรก เพื่อแก้ปัญหาประเทศสะสม7ปี
หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ "พล.อ.ประยุทธ์" ปิดท้ายการอภิปรายส่วนของพรรคก้าวไกล ย้ำความล้มเหลว ปลุก ส.ส. ใช้อำนาจเต็มมือ โหวตถอดถอน เพื่อเป็นสลักแรก ต่อการแก้ปัญหาบ้านเมือง
เมื่อเวลา 20.18 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายปิดในส่วนของพรรคก้าวไกล ในการประชุมสภาฯ เพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี เป็นรายบุคคล ว่า เหตุผลที่ไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพราะพฤติกรรมฉ้อราษฎร์บังหลวง ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น ไม่เสียภาษี ใช้กฎหมายทำนิติสงครามสำหรับผู้ที่เห็นต่าง รวมถึงการปล่อยให้ทุจริตในกองทัพ ตั้งแต่กางเกงชั้นใน จนถึงรถบัสกองทัพ นอกจากนั้นยังตั้งบุคคลที่มีพฤติกรรมไม่โปร่งใสเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนพลังงานฮุบสัมปทานของรัฐหลายโครงการ และที่สำคัญมีพฤติกรรมปล่อยให้นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ฐานะผู้ต้องหาขับรถชนดาบตำรวจเสียชีวิต รอดจากคดี โดยการแทรกแซงกิจการภายในของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โยกย้ายตำรวจ ซึ่งเป็นการทำลายระบบของการแต่งตั้ง และปล่อยให้มีตั๋วตำรวจเกิดขึ้น และที่สำคัญไม่สามารถคาดหวังให้ พล.อ.ประยุทธ์คุมพวกพ้อง ไม่ให้โกงไม่ได้ เพราะนายกฯ มีพฤติกรรรมยังไม่สุจริต ไม่จ่ายภาษี ชำระค่าน้ำ ค่าไฟ
นายพิธา กล่าวด้วยว่า นายกฯ ใช้ปฏิบัติการทางทหาร ให้เกิดความขัดแย้ง และสร้างความแตกแยกระหว่างรุ่น โดยมีปฏิบัติการทางทหาร หรือ ไอโอ นั้น พบพฤติกรรมขยี้อดีตพรรคอนาคตใหม่ เบี่ยงเบนประเด็นที่จังหวัดนครราชสีมา รวมถึงอวยพล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาล นอกจากนั้รัฐบาลไร้ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะมีคนจนเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านคนใน 1 ปีที่ผ่านมา เพราะรัฐบาลไร้วิสัยทัศน์ และยุทธศาสตร์ ในช่วงที่มีสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ไม่เร่งรัดนำวัคซีนเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาด และยิ่งทำให้เกิดความเสี่ยงจากการนำเข้าวัคซีนเพียงผู้ผลิตเพียงรายเดียว
“พล.อ.ประยุทธ์ บกพร่อง ล้มเหลว ด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง รวมถึงการศึกษา แต่สิ่งที่บกพร่องร้ายแรงมากที่สุด คือ ไม่เข้าใจหลักการระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่มีระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 แต่ตลอด 7ปี ที่พล.อ.ประยุทธ์ กลับมีพฤติกรรมใช้สถาบันเป็นเกราะป้องกันตัวเอง เช่น ใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพื่อดำเนินคดีกับนักศึกษา และกลุ่มผู้ชุมนุม กว่า 100 คนถูกจองจำด้วยมาตราดังกล่าว ซึ่งผมชื่อว่าการการกระทำดังกล่าวไม่เป็นผลดี” นายพิธา กล่าว
ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายเสนอด้วยว่า การปฏิรูปสถาบันควรนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ มากกว่าปล่อยให้พูดนอกสภาฯ อย่างไรก็ดี ตนขอปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าอยู่เบื้องหลังการชุมนุมและเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบัน อย่างไรก็ดีนายกรัฐมนตรีที่ดีในประเทศที่มีสถาบันเป็นประมุข ต้องทำหน้าที่ 2 อย่างคือ ห้ามล้อ ไม่ให้พระราชอำนาจขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร ผู้สนองพระบรมราชโองการ และผู้รับผิดชอบแทนพระมหากษัตริย์ต้องถวายแนวทางที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ และ กันชนไม่ให้เรื่องเสื่อมเสียกระทบถึงสถาบัน และปกป้องสถาบัน ไม่กล่าวถึงอย่างพร่ำเพรื่อ เพื่อนำมาใช้เป็นแรงสนับสนุนทางการเมือง ซึ่งการกระทำของพล.อ.ประยุทธ์ ที่นำสถาบันเป็นข้ออ้างเป็นเกราะทางการเมือง เป็นเรื่องไม่สมควรที่พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ในตำแหน่งต่อไป
“ตอนนี้ประเทศอยู่บนทางสองแพร่ง ระหว่าง จะเลือกประเทศ หรือ ประยุทธ์ หากสภาฯ เลือกประเทศ คือ ไม่ไว้วางใจประยุทธ์ จะเป็นก้าวแรกที่จะถอดสลักของปัญหา และนำไปสู่การแก้ปัญหา ที่สะสม 7 ปี ตั้งแต่รัฐประหาร เพื่อกระจายอำนาจให้ประชาชน ให้โอกาสทำมาหากิน ทลายทุนผูกขาด แก้ความขัดแย้ง และยืนหลักต่อธรรมเนียมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อให้สถาบันมั่นคงสถาพร และรุ่งโรจน์ควบคู่กับสังคมที่เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ในวันพรุ่งนี้หากกล้าไปกับผม พวกเรามีอำนาจเต็มมือ และเป็นเดียวรอบ 7ปี ที่สภาฯ ยืนยันในอำนาจของตนเองที่ประกาศให้กับประชาชนเห็นว่า เป็นผู้แทนของราษฎร ไม่ใช่ผู้แทนของพล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นขอให้ร่วมมือยุติฝันร้าย ถอดถอนพล.อ.ประยุทธ์ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี” นายพิธา อภิปราย.