‘BCH’ จ่อนำเข้าวัคซีนโควิดให้บริการในช่วงกลางปี 64
บีซีเอช ตั้งบริษัทนำเข้าวัคซีนโควิด-19 จากยุโรป คาดเริ่มบริการได้กลางปี 64 พร้อมวางเป้ารายได้และกำไรปีนี้ยังโตต่อเนื่อง จากการตรวจรักษาเกี่ยวเนื่องกับโควิด-19 ฐานลูกค้าประกันสังคมในเครือเพิ่มขึ้น พร้อมทยอยรับรู้รายได้จาก 2 รพ.ใหม่
นายแพทย์ เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน)หรือ BCH เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าในการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 มาให้บริการกับกลุ่มลูกค้าของโรงพยาบาลในเครือนั้น ขณะนี้บริษัทได้จัดตั้งบริษัทนำเข้าวัคซีนโควิด-19 มาเรียบร้อยแล้ว และได้ติดต่อสั่งซื้อวัคซีนโควิด-19 จากยุโรปที่บริษัทมองว่ามีประสิทธิภาพดีกว่าวัคซีนจากผู้ผลิตที่หลายๆประเทศใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยที่คาดว่าโอกาสในการนำเข้าและเริ่มให้บริการวัคซีนโควิด-19 กับลูกค้าของโรงพยาบาลในเครือได้ในช่วงกลางปี 2564
ทั้งนี้ การนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ยังคงต้องเป็นไปตามระยะเวลาที่ภาครัฐอนุญาตให้โรงพยาบาลเอกชนสามารถนำเข้ามาวัคซีนโควิด-19 เข้ามาให้บริการได้ โดยที่เฟสแรกที่ภาครัฐอนุญาตให้โรงพยาบาลเอกชนนำเข้าได้นั้นจะอยู่ในช่วงเดือนมิ.ย.-ส.ค. นี้ และเฟสที่ 2 ในช่วงเดือนก.ย.-ธ.ค. นี้
สำหรับเป้าหมายรายได้ปีนี้ คาดว่ายังเติบโตเป็นสองหลัก และกำไรยังเติบโตต่อเนื่อง สำหรับปัจจัยหนุนการเติบโตมาจากให้บริการเกี่ยวกับการตรวจ การกักตัว และการให้บริการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ส่งผลให้อัตราการใช้บริการของผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้น สามารถชดเชยการลดลงของอัตราการใช้บริการผู้ป่วยในได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่รุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ที่เข้ามาตรวจโควิด-19 ทั้งเดือนม.ค. ที่ผ่านมานี้ สูงถึง 100,000 คน ทำให้รายได้จากการให้บริการตรวจโควิด-19 จะยังเป็นปัจจัยที่หนุนรายได้ในไตรมาส 1/64 ให้เติบโตขึ้นได้
ขณะเดียวกันบริษัทยังเดินหน้าขอโควต้ารับฐานลูกค้าประกันสังคมในเครือโรงพยาบาลของบริษัทเพิ่มขึ้น โดยที่อยู่ระหว่างการยื่นขอเพิ่มจำนวนรับคนไข้ประกันสังคมในปีนี้เพิ่มอีกมากกว่า 10,000 รายต่อโรงพยาบาลในเครือ โดยวางเป้าหมายเพิ่มฐานลูกค้าประกันสังคมในปีนี้ เป็นกว่า 900,000 ราย จากปัจจุบันมีฐานลูกค้าโรงพยาบาลในเครือทั้งหมดรวมกว่า 880,000 แสนรายแล้ว เป็นปัจจัยสนับสนุนรายได้เข้ามาเสริม
นอกจากนี้ บริษัทยังเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากโรงพยาบาลใหม่ทั้ง 2 แห่งเข้ามาเพิ่มในปีนี้ ได้แก่ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี ที่เปิดให้บริการไปแล้วในช่วงเดือนม.ค. 64 จำนวน 115 เตียง และโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์ สปป.ลาว ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องมือทางการแพทย์ และจะเริ่มเปิดให้บริการในช่วงเดือนมิ.ย. นี้ ในเฟสแรก จำนวน 110 เตียง ทำให้บริษัทเริ่มมีรายได้จากโรงพยาบาลใหม่เข้ามา
ส่วนความคืบหน้าในการศึกษาลงทุนศูนย์มะเร็งนั้นยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน คาดว่าจะมีความชัดเจนในการลงทุนออกมาในช่วงไตรมาส 3นี้ และหลังจากนั้นจะเริ่มก่อสร้างศูนย์มะเร็งได้ภายในปี 2565