‘คมนาคม’เล็งยื่นฟื้นคดีใหม่ เบรกจ่ายค่าโง่'โฮปเวลล์'
มติศาลรัฐธรรมนูญ 5:2 ชี้มติที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด นับอายุความคดีโฮปเวลล์ ขัดรัฐธรรมนูญ เบรกจ่ายค่าโง่ 2.4 หมื่นล้าน “คมนาคม”เล็งยื่นฟื้นคดีใหม่
ข้อพิพาทระหว่างบริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้รับสัมปทานโครงการระบบการขนส่งทางรถไฟและถนนยกระดับในกรุงเทพมหานคร หรือ โครงการโฮปเวลล์ จากกระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่มีมาตั้งแต่รัฐบาลยกเลิกสัญญาเมื่อปี 2541 กำลังจะได้ข้อสรุปในแนวทางที่รัฐอาจไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยจากเหตุบอกเลิกสัญญา
เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2564 ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้นัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน (ผู้ร้อง) ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 กรณีมติที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ครั้งที่ 18/2545 วันที่ 27 พ.ย.2545
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 2 มีมติที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ครั้งที่ 18/2545 เรื่องปัญหาเกี่ยวกับระยะเวลาการฟ้องคดีปกครอง เป็นการออกระเบียบตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ พ.ศ. 2542 มาตรา 44 แต่มิได้ดำเนินการตามมาตรา 5 และมาตรา 6 วรรคหนึ่ง จึงขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง และมาตรา 197 วรรคสี่
นายประวิตร บุญเทียม โฆษกศาลปกครอง กล่าวกับกรุงเทพธุรกิจว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวิจิฉัยเกี่ยวกับมติที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุดเรื่องปัญหาเกี่ยวกับการนับระยะเวลาการฟ้องคดีปกครองขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ แต่ขณะนี้ยังต้องมีการบังคับตามคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดในคดีที่ศาลยกคำร้องของกระทรวงคมนาคมและ ร.ฟ.ท.ขอเพิกถอนคำสั่งอนุญาโตตุลาการ ทำให้กระทรวงคมนาคมและ ร.ฟ.ท.ต้องดำเนินการตามที่อนุญาโตตุลาการมีคำสั่งให้จ่ายเงินชดเชยจากการบอกเลิกสัญญาโฮปเวลล์
“กระทรวงคมนาคมยังต้องปฏิบัติตามคำวิจิฉัยศาลปกครองสูงสุด แต่ขึ้นกับว่ากระทรวงคมนาคมจะขอให้ศาลปกครองพิจารณาคดีใหม่หรือไม่”
ทั้งนี้ การที่กระทรวงคมนาคมสามารถยื่นขอให้ศาลปกครองพิจารณาคดีใหม่ได้ เพราะมีเหตุใหม่เพิ่มจากการร้องขอพิจารณาคดีใหม่ที่ผ่านมา โดยถ้ากระทรวงคมนาคมยื่นเข้ามาแล้ว ศาลปกครองจะนำคำวินิจฉัยฉบับเต็มของศาลรัฐธรรมนูญมาพิจารณาประกอบ และผลการพิจารณาขึ้นกับดุลพินิจของศาลปกครอง
พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า หลังจากนี้ศาลรัฐธรรมนูญคงส่งคำวินิจฉัยฉบับสมบูรณ์มาที่ผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะแจ้งกลับไปกระทรวงคมนาคม และ ร.ฟ.ท. โดยทั้ง 2 หน่วยงานคงนำคำวินิจฉัย ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานข้อมูลใหม่ ไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อขอรื้อฟื้นคดีจ่ายค่าเสียหายโฮปเวลล์ได้ แต่ที่สุดแล้วจะมีผลให้รัฐไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายหรือไม่ เป็นดุลยพินิจของศาลปกครอง ไม่ขอก้าวล่วง
“ผมคิดว่าเป็นข้อมูลใหม่ ที่อาจทำให้ผลการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดที่พิพากษาให้ ร.ฟ.ท.ต้องจ่ายค่าเสียหายให้โฮปเวลล์ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ เพราะทุกคดีมีอายุความ การที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเช่นนี้ ก็อาจทำให้มติที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดที่เป็นประเด็นพิพาท ไม่สามารถนำมาใช้บังคับได้ ซึ่งก็จะมีผลให้การฟ้องคดีของโฮปเวลล์ น่าจะเป็นฟ้องเมื่อคดีขาดอายุความแล้ว” พล.อ.วิทวัส กล่าว
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้มาจากการยื่นตีความของผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งหลังจากนี้กระทรวงคมนาคมจะรอความเห็นของผู้ตรวจการแผ่นดินและคำวินิจฉัยฉบับเต็มของศาลรัฐธรรมนูญ และหลังจากนั้นจึงจะมาพิจารณาดำเนินการต่อ
“กระทรวงคมนาคมยังไม่จ่ายค่าชดเชยให้โฮปเวลล์ถึงแม้จะมีคำสั่งศาลมาตั้งแต่ปี 2562 เพราะที่ผ่านมามีการยื่นคุ้มครอง การยื่นขอพิจารณาคดีโฮปเวลล์ใหม่” นายศักดิ์สยาม กล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ขณะนี้ทีมกฎหมายของรัฐบาลกำลังพิจารณาให้มีการยื่นศาลปกครองให้มีการพิจารณาคดีใหม่หลังจากมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว รวมทั้งที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการตรวจสอบเอาผิดฐานละเมิดและหาตัวเจ้าหน้าที่ผู้กระทำผิด ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ให้แต่งตั้งคณะทำงานหาผู้กระทำผิดทางละเมิด เมื่อวันที่ 9 ก.พ.2564
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้แต่งตั้งนายนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานคณะทำงานหาผู้กระทำผิดทางละเมิดโดยจะมีการนัดประชุมครั้งแรกในวันที่ 25 ก.พ.นี้ ซึ่งแนวทางของการสืบหาผู้กระทำผิดทางละเมิด จะดำเนินการตรวจสอบถึงตัวบุคคลที่เกี่ยวข้อง ประเมินมูลค่าความเสียหายต่อรัฐที่บุคคลต้องรับผิดชอบ ก่อนจะรายงานไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลัง ในการออกหนังสือเพื่อแจ้งเอาผิด คล้ายกับการเอาผิดโครงการรับจำนำข้าว