ASW เล็งเข้าระดมทุน SET เคาะราคาหุ้นไอพีโอ เม.ย.นี้
“แอสเซทไวส์” คาดสรุปราคาไอพีโอ-เปิดจองซื้อหุ้นปลายเดือน เม.ย. “ก้องเกียรติ“ มั่นใจนักลงทุนให้การตอบรับที่ดี เหตุธุรกิจเติบโต ฐานะการเงินแกร่ง ”กรมเชษฐ์” เผยรายได้ปีนี้สูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 4.2 พันล้านบาท
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.แอสเซทไวส์ (ASW) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ขณะนี้ ASW อยู่ระหว่างการนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) แก่นักลงทุนสถาบัน จากนั้นก็จะมีการสำรวจความต้องการซื้อจากนักลงทุนสถาบัน (Book Building) เพื่อกำหนดราคาเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) โดยคาดว่าจะสรุปราคา และเสนอขายหุ้นไอพีโอได้ในช่วงครึ่งหลังของเดือน เม.ย.2564
ทั้งนี้ ASW จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 206 ล้านหุ้น คิดเป็น 27.07% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชําระแล้วทั้งหมดหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1.00 บาท
สำหรับจุดเด่นของ ASW คือการเลือกทำเลที่ดี มีแบรนด์ที่หลากหลายเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างในปี 2563 ที่เกิดการระบาดของโควิด-19 บริษัทฯ ยังมีอัตราการทำกำไรสูง โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น (กรอสมาร์จิน) 44% และ อัตรากำไรสุทธิ (เน็ตมาร์จิน) สูงถึง 20.6% มากกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอสังหาฯ ที่ 33% และ 12% ตามลำดับ โดยส่วนตัวเชื่อมั่นว่าการขายหุ้น ASW ในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จ เป็นอีกหนึ่งบริษัทได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี
“ภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ เชื่อว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอื่นๆ และเชื่อว่าหุ้นของ ASW จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน จากผลดำเนินงานเติบโต”
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอสเซทไวส์ กล่าวว่า บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุน IPO ไปใช้เพิ่มความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต
ทั้งนี้ คาดปี 2564 บริษัทฯ จะมีรายได้จะไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,205 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้จากยอดขายรอการโอน (Backlog) ปีนี้ 5,300 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มี Backlog 7,800 ล้านบาท ขณะที่อีกส่วนหนึ่งมาจากการเปิดตัวโครงการใหม่ 6 โครงการ มูลค่ารวม 10,850 ล้านบาท ฯลฯ