'ปชป.' เล็งถกพรรคร่วมรัฐบาล ยกร่างแก้ รธน.รายมาตรา

วันที่ 25 มี.ค. ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายประชามติว่า ขณะนี้ได้สั่งให้ฝ่ายกฎหมายยกร่างแล้วคาดว่า 1 – 2 สัปดาห์นี้น่าจะเสร็จสิ้นได้ จากนั้นจะได้นำไปหารือร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ซึ่งตนได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายไปร่างแยกเป็นรายประเด็น ร่างละ 1 ประเด็น โดยไม่นำหลายประเด็นไปรวมในร่างเดียวเพราะหาก 1 ร่าง มี 3 ประเด็น เห็นด้วย 2 ประเด็น ไม่เห็นด้วย 1 ประเด็นจะทำให้ร่างนั้นตกไป ก่อตจะนำไปหารือร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ว่ามีประเด็นไหนที่เห็นตรงกัน หรือประเด็นไหนที่ยังเห็นไม่ตรงกันและจะปรับไปเป็นอย่างไร เพราะจำเป็นจะต้องอาศัยเสียงร่วมกัน และต้องอาศัยเสียงวุฒิสมาชิก และฝ่ายค้านด้วย การแก้รัฐธรรมนูญจึงจะสำเร็จได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเด็นเร่งด่วนที่เห็นสมควรแก้ไขเป็นรายมาตรานี้ นายจุรินทรฺ กล่าวว่า เป็นเรื่องการแก้ไขมาตรา 256 มาตราที่เกี่ยวข้องกับอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรีของวุฒิสมาชิก รวมทั้งประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ในเรื่องของสิทธิชุมชน เรื่องการกระจายอำนาจ เป็นต้น แต่จะไปลำดับความสำคัญ และหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นด้วย

ส่วนการที่ขณะนี้ยังมีประเด็นเกี่ยวกับกฎหมายประชามติ ที่มีแนวโน้มว่าจะมีการส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความด้วยนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนกฎหมายประชามติ ดังนั้นถ้านำเข้าสู่การพิจารณาจะให้ความเห็นชอบ เพราะอยากเห็นกฎหมายประชามติเกิดขึ้นโดยเร็ว เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวเมื่อบังคับใช้แล้วจะเป็นส่วนหนึ่งในการนำไปทำให้การแก้รัฐธรรมนูญประสบความสำเร็จได้ เพราะเงื่อนไขหนึ่งของการแก้รัฐธรรมนูญ เนื่องจากบางมาตราบังคับว่าจะต้องนำไปทำประชามติ หากไม่มีกฎหมายประชามติ การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ทำไม่ได้ หรือทำได้ก็ไม่สำเร็จก็ต้องรอกฎหมายประชามติ ดังนั้นการมีกฎหมายประชามติไว้ก่อนเป็นเรื่องที่จำเป็น และเป็นกฎหมายที่บังคับไว้ในรัฐธรรมนูญด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา มีการถอนร่างได้มีการแก้ไขในมาตรา 9 และมี ส.ว.บางส่วนไม่เห็นด้วยมีความกังวลหรือไม่ว่าจะถูกตีตกไปในชั้นวาระ 3 จะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ยังไม่ขอให้ความเห็นไกลไปถึงตรงนั้น เพราะขณะนี้ถือว่ายังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการวาระ 2 และบังเอิญไปสะดุดอยู่ที่มาตราหนึ่งที่ไม่เป็นไปตามกรรมาธิการเสียงข้างมาก ซึ่งกรรมาธิการขอไปปรับปรุงแก้ไขร่างในมาตราอื่นๆ ที่ตามมาให้สอดคล้องกัน เมื่อเสร็จมาแล้วนำกลับมาดำเนินการไปตามกระบวนการจนครบวาระ 2 และวาระ 3 ซี่งประชาธิปัตย์ยืนยันว่ากฎหมายประชามติเป็นเรื่องจำเป็น และพร้อมจะให้การสนับสนุนต่อไป