ปลัดพาณิชย์เตรียมชง”จุรินทร์”ช่วยเหลือภาคธุรกิจในเมียนมา
“ปลัดพาณิชย์”ประชุมร่วมภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์รุนแรงในเมียนมา เผย ชุมนุมยึดเยื้อ ทำธุรกิจขาดสภาพคล่อง และเสี่ยง หากประเทศสำคัญแซงชั่น เตรียมชง “จุรินทร์”ผลักดันมาตรการช่วยเหลือ ด้านเอกชนขอเร่งช่วย ชี้ อยู่ได้ 6เดือน หากช้าปิดตัวแน่
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับภาคเอกชน ทั้งผู้ประกอบการในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และบริษัทเอกชนที่ทำธุรกิจในเมียนมา เพื่อหารือถึงผลกระทบและมาตรการช่วยเหลือ ที่กระทรวงพาณิชย์ ว่า ในด้านการค้า เห็นตรงกันว่าภาพรวมที่ด่านแม่สอด จ.ตาก การค้าขายยังเป็นปกติ มีการส่งออกนำเข้า มีรถบรรทุกสินค้าวิ่งข้ามไปมาวันละ 700-800 คัน ช่วงพีคๆ มีถึงวันละ 900 คัน ซึ่งต้องติดตามดูต่อไป เพราะตัวเลขการส่งออกในเดือนก.พ.2564 ที่ผ่านมา ลดลงถึง 29% แต่ยังสรุปไม่ได้ว่าเป็นเพราะเหตุการณ์ไม่สงบที่เกิดขึ้นหรือไม่ หรืออาจจะเป็นเพราะสาเหตุอื่น
ส่วนการเข้าไปลงทุนทำธุรกิจของคนไทยในเมียนมา โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ได้รับผลกระทบ โดยมีการประเมินว่าเศรษฐกิจของเมียนมาจะชะลอตัวลง และหากการชุมนุมยืดเยื้อ ก็ยิ่งชะลอตัว ทำให้มีผลต่อธุรกิจของคนไทยที่ไปลงทุน เพราะไม่สามารถเปิดทำธุรกิจได้ และปัจจุบันหลายๆ รายขาดเงินสด ขาดสภาพคล่อง และยังมีปัญหาเรื่องแรงงานหยุดงาน การขนส่งในประเทศมีปัญหา
นอกจากนี้ ยังมีการประเมินว่าหากประเทศที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการค้าโลก ใช้มาตรการแซงชั่นเมียนมา ก็จะยิ่งส่งผลกระทบต่อไทย โดยสินค้าบางรายการของไทยที่ไปลงทุนตั้งฐานการผลิตในเมียนมา แล้วส่งออกไปยังประเทศที่แซงชั่น ก็จะส่งออกไม่ได้ หรือธุรกิจที่ต้องใช้เทคโนโลยีจากประเทศที่แซงชั่น เช่น ธุรกิจพลังงาน ก็จะได้รับผลกระทบ
ทั้งนี้ จะนำข้อสรุปที่ได้จากการหารือครั้งนี้ และข้อเสนอแนะจากภาคเอกชน นำเสนอให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อรับทราบและพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยข้อเสนอของภาคเอกชน เช่น ขอให้ช่วยเรื่องลดภาษีนิติบุคคล และบุคคลธรรมดา เพราะการเข้าไปลงทุน แม้จะไปทำธุรกิจในเมียนมา แต่มีรายได้ที่ไทย ก็ต้องยื่นเสียภาษี ขอให้พิจารณาประสานสถาบันการเงินปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับธุรกิจไทยที่ไปลงทุน และขอให้ช่วยประสานฉีดวัคซีนโควิด-19 ในพื้นที่แม่สอดโดยเร็วและเพียงพอ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการค้าขาย
นายกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์ ประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมา กล่าวว่า สมาชิกของสภาฯเข้าไปลงทุนในเมียนมากว่า 100 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจขนาดเล็กซึ่งเริ่มขาดสภาพคล่องเนื่องจากต้องปิดกิจการจากความไม่สงบภายในประเทศ ซึ่งเริ่มปิดตั้งแต่เดือนก.พ.2564 ส่งผลกระทบทำให้ขาดรายได้ ขาดสภาพคล่อง ซึ่งคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินค่าเช่า ค่าจ้าง และดำเนินการธุรกิจได้ไม่เกิน 6 เดือน