หวิดจลาจล! แรงงานเมียนมานับพันรวมตัว เพื่อนไม่ได้กลับบ้าน
หวิดจลาจล แรงงานเมียนมา 20 คน ขอลาออกขอเดินทางกลับประเทศ แต่ระหว่างที่กำลังรอนายหน้ามารับ ชาวบ้านเห็นผิดสังเกตได้แจ้งตำรวจ-ฝ่ายปกครองเข้าควบคุมตัว ทำให้เข้าใจผิด คนงานนับพันในที่พักปลุกระดมลุกฮือกัน ใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง อธิบายจนเข้าใจ และสลายตัวไป
พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ มีแสง ผกก.สภ.คอหงส์ รับแจ้งเกิดเหตุชุลมุนขึ้นที่ที่พักคนงานแรงงานชาวเมียนมา ซึ่งเป็นคนงานของ บริษัท โชติวัฒน์อุตสาหกรรมการผลิต จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาหารทะเลบรรจุกระป๋องรายใหญ่ของภาคใต้ ตั้งอยู่ริมถนนสายเอเชีย เขตเทศบาลเมืองคอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
โดยจุดที่แรงงานชาวเมียนมารวมตัวกันอยู่บริเวณภายในที่พักคนงาน ซึ่งตั้งอยู่ในซอยด้านหลังบริษัท โดยมีแรงงานชาวเมียมามากกว่า 1 พันคน ต่างลุกฮือ และอยู่ในอาการไม่พอใจ และส่งเสียงตะโกนเป็นระยะ หลังจากที่เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา มีคนแรงงานเมียนมาที่ขอลาออก และกำลังจะเดินทางกลับเมียนมา ถูกควบคุมตัวจนเกิดความโกลาหลกันตามมา และทางบริษัทต้องรีบโทรแจ้งตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เข้ามาช่วยระงับเหตุไม่ให้เกิดความรุนแรงบานปลายไปมากกว่านี้
ต่อมาทางตำรวจ ทั้ง พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา พร้อมด้วย พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา และ พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ มีแสง ผกก.สภ.คอหงส์ ได้นำกำลังตำรวจงานป้องกันปราบปราม และชุดควบคุมฝูงชน สภ.คอหงส์ และ สภ.หาดใหญ่ รวมทั้งฝ่ายปกครองอำเภอหาดใหญ่ เกือบ 100 นาย เข้ามาควบคุมพื้นที่ และเจรจากับทางกลุ่มแรงงานเมียนมา พร้อมกับขอให้ควบคุมสติอารมณ์ และหันมาเจรจาหาทางออกร่วมกัน
พล.ต.ต.อาชาน เผยว่า จากการสอบถามข้อมูลกับทั้งทางผู้แทนของบริษัท และทางกลุ่มแรงงานเมียนมา ทราบว่า ที่บริษัทแห่งนี้มีแรงงานเมียนมา ซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาโดยถูกต้องตามกฎหมาย และทำงานมานานหลายปี ได้ขอลาออกจำนวน 20 คน โดยให้เหตุผลว่า ต้องการกลับบ้านที่เมียนมา เนื่องจากมีญาติพี่น้องบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ และเป็นห่วงชีวิตความเป็นอยู่ของญาติพี่น้องที่บ้านเกิดมาก พร้อมกับบอกว่า มีการติดต่อกับทางนายหน้าเอาไว้แล้ว
จากนั้นในช่วงเย็นจึงได้พากันหอบข้าวของ และทยอยกันเดินทางไปรอนายหน้าที่จุดนัดพบในพื้นที่ ต.ทุ่งลุง อ.หาดใหญ่ และมีคนงานจากที่อื่นบางส่วนมาสมทบด้วย แต่ปรากฏว่า จุดที่ไปรอนัดพบนายหน้าเป็นพื้นที่กลางชุมชน และชาวบ้านเห็นแรงงานเมียนมามารวมตัวกันมากผิดปกติ จึงรีบแจ้งทั้งตำรวจและทางอำเภอให้ช่วยเข้ามาตรวจสอบ ก่อนที่จะมีการควบคุมตัว และติดต่อกับทางบริษัทให้ไปรับตัวกลับในเวลาต่อมา
แต่แรงงานเมียนมาทั้ง 20 คน ที่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเข้าใจผิด และคิดว่า ทางบริษัทกลั่นแกล้งไม่ให้พวกตนเดินทางกลับบ้านเกิด และแจ้งให้ตำรวจมาจับ จึงเกิดการปลุกปั่นกันขึ้นในที่พักคนงานที่มีแรงงานชาวเมียนมาอยู่มากกว่า 1 พันคน จนหวิดที่จะเกิดการจลาจลเกิดขึ้น
โดยภายหลังเหตุการณ์ยืดเยื้ออยู่นานเกือบ 4 ชั่วโมง ก็ได้ข้อยุติในช่วงประมาณ 01.00 น. ซึ่งได้มีการพยายามอธิบายเหตุผลให้กับทางแรงงานเมียนมาได้เข้าใจ โดยเฉพาะในประเด็นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งทำให้ประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านยังคงปิดกั้นพรมแดน และไม่สามารถเดินทางได้ในขณะนี้ พร้อมกับชี้แจงด้วยว่า การลักลอบเดินทางผ่านแดนโดยผ่านทางนายหน้านั้นผิดกฎหมาย เพราะไม่ใช้การผ่านแดนแบบปกติถูกกฎหมาย และเสี่ยงกับการติดเชื้อโควิดด้วย โดยในครั้งนี้พบว่า นายหน้าเรียกเก็บเงินค่าเดินทางคนละ 5,700 บาท และมีการเคลียร์ติดต่อขอคืนเงินกลับมาให้คน 5,000 บาท
ด้านผู้แทนของบริษัทเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากจากความเข้าใจผิด แต่ยังโชคดีที่ไม่เกิดเหตุความรุนแรงไปมากกว่านี้ ซึ่งขณะนี้เหตุการณ์ทั้งหมดได้ยุติกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และไม่มีทรัพย์สินเสียหาย โดยหลังจากนี้จะมีการชี้แจงทำความเข้าใจ โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องการสถานการณ์โควิด ซึ่งส่งผลต่อการเดินทางข้ามจังหวัด และเดินทางกลับประเทศบ้านเกิด รวมทั้งการใช้ชีวิตและการทำงานที่ต้องเพิ่มมาตรการป้องกันโควิด ซึ่งกลุ่มแรงงานจำนวนไม่น้อยยังไม่ค่อยเข้าใจ และคิดว่าเป็นการบีบบังคับ ซึ่งทางบริษัทยืนยันว่า ได้ดูแลแรงงานทุกคนเป็นอย่างดี