'อสังหาริมทรัพย์' ในยุคที่เป็นตลาดของผู้บริโภค นอกจาก ‘ราคา’ ควรเลือกซื้ออย่างไร?
"อสังหาริมทรัพย์" ในปัจจุบันนับว่าเป็นยุคที่ตลาดเป็นของผู้บริโภคที่มีอำนาจต่อรอง เนื่องจากทุกค่ายเร่งออกข้อเสนอเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงโครงการที่อยู่อาศัยได้ในราคาที่ถูกลง ซึ่งนอกจากกลยุทธ์เรื่อง "ราคา" แล้ว ผู้บริโภคควรเลือกซื้อที่อยู่อาศัยจากอะไร?
แม้สถานการณ์ปัจจุบันที่เศรษฐกิจและการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์จะไม่คึกคักนัก แต่อีกแง่มุมหนึ่งก็นับว่าเป็นยุคที่ตลาดเป็นของผู้บริโภค จากการปรับตัวปรับกลยุทธ์ของผู้ประกอบการอสังหาฯ โดยแทบทุกค่ายมีโปรโมชั่นลดราคาและข้อเสนอพิเศษมากมายที่ช่วยลดค่าใช้จ่าย เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงโครงการที่อยู่อาศัยได้ในราคาที่ถูกลง
การที่พลัส พร็อพเพอร์ตี้ มีธุรกิจด้านที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ซื้อ-ขาย-ปล่อยเช่า พบว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 และสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ราคาคอนโดมิเนียมมีการลดราคาลงจากที่เปิดขายในช่วงแรก 7-15% บางโครงการมีราคาพิเศษที่ลดมากกว่านั้น จึงนับว่าเป็นช่วงตลาดของผู้บริโภคที่ลูกค้ามีอำนาจต่อรอง เป็นโอกาสทองของกลุ่มเรียลดีมานด์ที่มีความต้องการซื้อโครงการเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือแม้แต่นักลงทุนระยะยาวที่มีความพร้อมด้านการเงิน ในการเข้าถึงอสังหาฯ ในต้นทุนที่ต่ำลงมาก
การเลือกซื้อโครงการที่อยู่อาศัย แม้ในช่วงนี้ที่มีการแข่งขันด้านราคาของผู้ประกอบการแทบทุกค่าย “ราคา” อาจเป็นตัวกระตุ้นหลักที่ทำให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจ แต่อย่าลืมว่าที่อยู่อาศัยเป็นสินทรัพย์มูลค่าสูง และเป็นทรัพย์สินที่จะอยู่กับเราต่อเนื่องไปอีกในระยะยาว ดังนั้นการพิจารณาเลือกซื้อจึงไม่ควรดูที่เรื่องราคาเพียงอย่างเดียว แต่ดูปัจจัยรอบด้านให้ครอบคลุมทุกช่วงการอยู่อาศัยด้วย โดยปัจจัยที่ควรนำมาพิจารณาในการเลือกโครงการที่อยู่อาศัย มีข้อแนะนำหลักๆ นอกเหนือจากเรื่องราคา ดังนี้
ศักยภาพของโครงการ โดยอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวกและตอบโจทย์การใช้ชีวิต มีคุณภาพงานก่อสร้าง การออกแบบ วัสดุที่ใช้ในโครงการ เทคโนโลยีความปลอดภัย ที่ดีและได้มาตรฐาน
ความน่าเชื่อถือของบริษัทผู้พัฒนาโครงการ บริษัทที่น่าเชื่อถือจะค่อนข้างไว้ใจได้เรื่องมาตรฐานงานก่อสร้างและการดูแลลูกค้า รวมถึงเรื่องความโปร่งใส
บริการหลังการขาย การดูแลจากทีมบริหารจัดการนิติบุคคลเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเมื่อเราได้ซื้ออสังหาฯ แล้ว ผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลโครงการที่เป็นทรัพย์สินของเรานั่นก็คือทีมนิติบุคคล แม้โครงการจะสวยงามและระบบต่างๆ ดีเพียงใด แต่หากไม่ได้รับการดูแลบำรุงรักษาจากนิติบุคคลมืออาชีพ หรือไม่ได้รับการจัดการเรื่องระเบียบการอยู่อาศัยร่วมกันที่ดี โครงการนั้นก็อาจเสื่อมโทรมและไม่น่าอยู่เหมือนดังเดิม
โดยเฉพาะยุคปัจจุบันที่ทั่วโลกเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 จนเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในหลายด้านที่รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการอยู่อาศัย การสำรวจของพลัสฯ ที่ได้วิเคราะห์เรื่องแนวโน้ม New Normal จากการสอบถามกลุ่มตัวอย่างจำนวนกว่า 1,000 คน พบว่ามีพฤติกรรมที่ทำมากขึ้นในช่วงโควิดและมีแนวโน้มว่าจะยังคงอยู่แม้โควิดจะบรรเทาลงแล้ว เช่น การทำอาหารทานเองที่บ้านหรือสั่งมาทานที่บ้าน (สอดคล้องข้อมูลของ Ikea ที่ระบุว่าสินค้าหมวดเครื่องครัวเติบโตขึ้นถึง 500%) การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ที่ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับการใช้งานความบันเทิงออนไลน์
หรือแม้แต่ใช้ทำงานออนไลน์ช่วง Work from Home (WFH) ซึ่งแม้สถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติแล้ว แต่การ WFH น่าจะยังคงอยู่เนื่องจากหลายบริษัทเห็นถึงประสิทธิภาพและความเป็นไปได้ในการทำงานจากที่บ้าน ความต้องการพื้นที่สีเขียวในบริเวณที่อยู่อาศัยเพื่อผ่อนคลายและเสริมสร้างสุขภาวะที่น่าอยู่ การรักษาความสะอาดและสุขอนามัยในพื้นที่ส่วนรวมจะเป็นบรรทัดฐานใหม่ของการใช้ชีวิตในสังคมไทย เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลถึงการดูแลจัดการในโครงการที่พักอาศัยทั้งสิ้น
จาก New Normal และความต้องการด้านการอยู่อาศัยที่เปลี่ยนไป ทีมบริหารนิติบุคคลจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคควรนำมาพิจารณาในการเลือกซื้อโครงการที่อยู่อาศัยด้วย หากได้บริษัทบริหารจัดการที่เป็นมืออาชีพ มีความเข้าใจลูกค้าและความต้องการในยุคปัจจุบัน มี Service-minded ก็จะช่วยให้การใช้ชีวิตในโครงการเป็นเรื่องที่ราบรื่นมากขึ้น เพราะมีผู้ช่วยจัดการที่ได้มาตรฐาน ทั้งเรื่องการรับส่งพัสดุสินค้าออนไลน์ การดูแลความสะอาดและสุขอนามัยในพื้นที่ส่วนกลาง การดูแลงานระบบและสัญญาณอินเทอร์เน็ต การจัดการสวนและพื้นที่สีเขียวในโครงการ ตลอดจนการจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อสานสัมพันธ์และสร้างคอมมูนิตี้ที่ดีและน่าอยู่ระหว่างเพื่อนบ้านและเจ้าของร่วมในโครงการ เพราะที่อยู่อาศัยไม่ใช่สิ่งที่ซื้อมาแล้วจบไปแต่เป็นสินทรัพย์ที่จะอยู่กับเราในระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มเรียลดีมานด์ที่ซื้อเพื่อการอยู่อาศัยเอง
ดังนั้นนอกจากปัจจัยก่อนซื้อแล้ว ปัจจัยหลังซื้ออย่างบริการหลังการขายก็สำคัญมากเช่นกัน โดยเฉพาะการบริการดูแลจากทีมนิติบุคคลมืออาชีพ เพราะเป็นผู้ที่มีบทบาทในการดูแลสินทรัพย์ของเราไม่ให้เสื่อมมูลค่า ดูแลความเป็นอยู่และการใช้ชีวิตของเราในโครงการตลอดช่วงการอยู่อาศัยครับ