'พาณิชย์' เผยมีผู้ประกอบการแห่ยื่นจดสิทธิบัตร 'กัญชา-กัญชง' เพียบ อนุมัติแล้ว 2
“พาณิชย์” เผยหลังรัฐบาลเปิดช่องให้นำ “กัญชา-กัญชง” มาใช้ประโยชน์ได้โดยไม่ถือเป็นยาเสพติด พบผู้ประกอบการแห่ยื่นคำขอจดสิทธิบัตร อนุสิทธิบัตร สิ่งประดิษฐ์ สินค้าต่างๆ รวมถึงอาหารและเครื่องดื่มแล้วถึง 31 คำขอ และได้อนุมัติอนุสิทธิบัตรไปแล้ว 2 คำขอ
เมื่อวันที่ 11 เม.ย.64 นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยถึงกรณีพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ 7 พ.ศ.2562 ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 19 ก.พ.2562 และเปิดช่องให้กัญชาและพืชกระท่อม นำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และยังได้ปลดล็อกให้นำส่วนต่างๆ ของกัญชา และกัญชง ยกเว้นช่อดอก และเมล็ดไปใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้ว่า มีผู้ประกอบการยื่นคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตร ที่เกี่ยวข้องกับกัญชาและกัญชงมากถึง 31 คำขอ แบ่งเป็น
- ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ 6 คำขอ
- ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ 4 คำขอ
- เวชภัณฑ์ที่มีสารสกัดเป็นสารออกฤทธิ์ 3 คำขอ
- เครื่องจักรและกรรมวิธีการสกัดจากกัญชา 11 คำขอ
- อุปกรณ์หรือชุดทดสอบสารสกัดจากกัญชา 3 คำขอ
- ผลิตภัณฑ์ปล่อยสารระเหยจากกัญขา 2 คำขอ
- ผลิตภัณฑ์ของใช้ในบ้านที่มีกัญชงเป็นองค์ประกอบ 2 คำขอ
ทั้งนี้ หลังจากที่รัฐบาลปลดล็อกกัญชาและกัญชง ออกจากยาเสพติด มีคนมายื่นคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตร และอนุสิทธิบัตร สิ่งประดิษฐ์ และสินค้าต่างๆ ที่มีส่วนผสมของกัญชาและกัญชงเป็นจำนวนมาก และล่าสุด กรมฯ ได้รับจดทะเบียน และออกอนุสิทธิบัตรไปแล้ว 2 คำขอ คือ กระถางผ้าเพาะปลูก และชุดเครื่องจักรสกัดน้ำมันกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- แห่ชิงขุมทรัพย์ 'กัญชา-กัญชง'
- ต้องรู้อยากปลูก "กัญชากัญชง" ให้รวย
- รัฐดัน 'กัญชง-กัญชา' พลิกฟื้นเศรษฐกิจฐานราก
- รพ.เอกชนดังรุกตลาด 'กัญชา กัญชง'
ส่วนคำขออื่นๆ อยู่ระหว่างการตรวจสอบคำขอ ตามพ.ร.บ.สิทธิบัตรพ.ศ.2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยสิทธิบัตร จะมีระยะเวลาในการตรวจสอบประมาณ 1 ปีกว่า แต่อนุสิทธิบัตร ใช้เวลาตรวจสอบน้อยกว่า ซึ่งกรมฯ น่าจะรับจด และออกอนุสิทธิบัตรให้ได้เร็วกว่า
ขณะที่คำขอจดทะเบียนสิทธิบัตร และอนุสิทธิบัตร ที่ยื่นมาก่อนที่รัฐบาลจะปลดล็อกกัญชา และกัญชงนั้น กรมฯ ได้ละทิ้งทั้งหมดแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2562 ที่ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 19 ก.พ.2562 นั้น ได้เปิดช่องให้นำยาเสพติดประเภท 5 ได้แก่ กัญชา พืชกระท่อม ไปใช้ทางการแพทย์ ครอบคลุมถึงยาแผนโบราณ และยาสมุนไพร แต่ในระยะ 5 ปีแรกหลังการบังคับใช้ อนุญาตให้เฉพาะหน่วยงานรัฐ หรือหน่วยงานรัฐร่วมกับหน่วยงานอื่นเท่านั้น
นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข ยังได้ออกประกาศกระทรวงเรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2563 โดยกำหนดให้ กัญชา และกัญชงยังคงเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เพียงแต่ส่วนของกัญชา และกัญชงที่ได้จากการปลูกหรือผลิตในประเทศ (ยกเว้นช่อดอก และเมล็ดกัญชา) ได้แก่ ใบที่ไม่ติดกับช่อดอก กิ่ง ก้าน ลำต้น เปลือก รากและเส้นใย รวมถึงสารสกัดที่มี CBD (สารที่มีอยู่ในกัญชา ไม่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท หรือไม่ทำให้เกิดอาการมึนเมา) เป็นส่วนประกอบ และกากที่เหลือจากการสกัด ซึ่งต้องมี THC (สารในกัญชา ทำให้เกิดอาการมึนเมา) ไม่เกิน 0.2%, เมล็ดกัญชง น้ำมัน และสารสกัดจากเมล็ดกัญชง ไม่จัดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 โดยให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ วิจัย ผลิตภัณฑ์สุขภาพได้
ขณะที่ประชาชนสามารถใช้ส่วนต่างๆ ของกัญชา กัญชง นำไปประกอบอาหาร ทำยารักษาโรค เป็นต้น เพื่อประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ ส่วนการนำเข้ากัญชา กัญชง สามารถทำได้ โดยขออนุญาตเป็นยาเสพติด ยกเว้นเปลือกแห้ง แกนลำต้นแห้ง และเส้นใยแห้ง ได้รับการยกเว้น