ครม.จัดระเบียบทุนหมุนเวียน ยันกองทุนอีอีซี เป็นหน่วยงานรัฐ
ครม.ไฟเขียวให้ทุนหมุนเวียน 4 หน่วยงานรวมกองทุนอีอีซี เป็นหน่วยงานของรัฐ สั่งยุบเลิกทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนากฎหมาย พร้อมลดเงินส่งคืนคลังของกองทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ช่วยไขหนี้สินข้าราชการครู 240 ล้านบาท
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็วๆนี้เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน เรื่อง รายชื่อหน่วยงานอื่นของรัฐ (ฉบับที่ 2) ตามที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
โดยสาระสำคัญคือการกำหนดให้หน่วยงานที่มีทุนหมุนเวียน 4 หน่วยงานเข้าเป็นหน่วยงานของรัฐตามบทบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน 2558 ได้แก่ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม (สวส.) เป็นหน่วยงานของรัฐโดยพิจารณาจากแหล่งเงินที่ได้รับมาจากการรับการจัดสรรงบประมาณจึงต้องมีสถานะเป็นหน่วยงานของรัฐ
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สตง. และ สกพอ. มีความเห็นว่าไม่ควรกำหนดกองทุนของหน่วยงานที่มีทุนหมุนเวียนของหน่วยงานเข้าเป็นหน่วยงานของรัฐ เนื่องจากกองทุนของหน่วยงานเหล่านี้ไม่มีสถานะเป็นทุนหมุนเวียน ตามคำนิยามในกฎหมาย พ.ร.บ.ทุนหมุนเวียน พ.ศ.2558 อย่างไรก็ตามในการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนได้พิจารณาแล้วเห็นว่ามีเพียงกองทุนป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่ไม่ได้อยู่ในข่ายที่เป็นหน่วยงานรัฐ
ส่วนกองทุนเพื่อพัฒนการตรวจเงินแผ่นดิน ของ สตง.กองทุนพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ของ สกพอ. กองทุนน้ำเชื้อเพลิง ของ สกนช. และกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ของ สวส. ถือว่าเข้าข่ายเป็นกองทุนที่เป็นหน่วยงานรัฐเนื่องจากมีการรับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลเข้าเป็นรายได้
นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบให้ยุบเลิกเงินทุนหมุนวียนเพื่อพัฒนากฎหมาย ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ตามข้อเสนอของ สคก.ที่ขอเสนอตั้งงบประมาณมาใช้แทนการดำเนินการในรูปแบบทุนหมุนเวียนที่อาจจะไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ส่วนกองทุนที่ ครม.มีมติเห็นชอบตามคณะกรรมการทุนหมุนเวียนให้ไม่มีการจัดตั้งคือ กองทุนความปลอดภัยในการออกกำลังกาย นันทนาการและกีฬา ของกรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ ของสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.มีมติให้ทุนหมุนเวียนนําทุนหรือผลกําไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลัง เป็นรายได้แผ่นดินโดยเร็ว ได้แก่ เงินทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขหนี้สินข้าราชการครู สําหรับ ปีบัญชี 2562 จํานวน 350 ล้านบาท และ กองทุนสิ่งแวดล้อม สําหรับปีบัญชี 2563 จํานวน 81.41 ล้านบาท โดยในส่วนของกองทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขหนี้สินข้าราชการครู เพื่อเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลในการเร่งแก้ไขหนี้สินข้าราชการครู จำนวนเงินที่ต้องส่งคลังฯ 350 ล้านบาทนั้น ครม.เห็นชอบ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ลดจากที่ต้องส่ง จำนวน 590.67 ล้านบาท เพราะหากส่งเต็มจำนวน จะทําให้ทุนหมุนเวียนฯ ขาดสภาพคล่อง ครม.จึงเห็นชอบกําหนดจํานวนเงินสะสมสูงสุดในปีบัญชี 2562 ให้กองทุนฯอีก 240.67 ล้านบาท จะได้ช่วยเหลือครูได้เพิ่มขึ้นอีก ส่งผลให้เงินทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขหนี้สินข้าราชการครู นําทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน จํานวน 350 ล้านบาท
นอกจากนี้ ครม.ยังรับทราบผลการเรียกให้ทุนหมุนเวียนนําทุนหรือผลกําไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ปีบัญชี 2562 จํานวน 1,309.17 ล้านบาท และปีบัญชี 2563 จํานวน 1,081.33 ล้านบาท รวม 2 ปีส่งเป็นรายได้แผ่นดิน 2390.5 ล้านบาท ที่ทุนหมุนเวียนต่าง ๆ ได้นําส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินเรียบร้อยแล้ว