ร้ายแค่ไหน โควิดสายพันธุ์ ‘อินเดีย’
มารู้จักโควิด-19 สายพันธุ์ "อินเดีย" ว่า ร้ายแรงแค่ไหน และมีการเชื่อมโยงกับระบาด จนทำให้อินเดียมีสถิติติดเชื้อรายวันพุ่งกว่า 3 แสนรายอย่างไร
สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า อินเดีย กำลังเผชิญการระบาดครั้งใหญ่ของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ระลอกสอง บรรดานักวิทยาศาสตร์เร่งศึกษาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่เกิดจากการกลายพันธุ์ในอินเดีย พบว่า เชื้อกลายพันธุ์สองครั้ง (Double Mutant) หรือมีชื่อว่า B.1.617 เริ่มระบาดขึ้นครั้งแรก เมื่อเดือน ต.ค.2563 และเป็นเรื่องปกติที่ไวรัสต้องเกิดการกลายพันธุ์
การสุ่มตรวจหาเชื้อยังทำได้ไม่ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศอินเดีย ทำให้ไม่อาจประเมินได้ว่าไวรัสกลายพันธุ์ได้แพร่กระจายไปไกลแค่ไหน หรือเกิดการติดต่ออย่างรวดเร็วแค่ไหนแล้ว
นอกจากนี้ มีรายงานว่าพบไวรัสสายพันธุ์อินเดียในต่างแดนถึง 21 ประเทศ โดยเชื่อว่าการเดินทางข้ามพรมแดนได้นำไวรัสดังกล่าวมายังสหราชอาณาจักร และทำให้สหราชอาณาจักรออกคำสั่งห้ามผู้ที่เดินทางมาจากอินเดียเข้าประเทศ
ส่วนสำนักงานสาธารณสุขอังกฤษ ได้ระบุให้เชื้อสายพันธุ์อินเดียเป็นไวรัสที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่ยังไม่ได้ขึ้นบัญชีเป็น “สายพันธุ์ที่น่าห่วงกังวล”
ดร. เจเรมี คามิลล์ นักไวรัสวิทยาจากมหาวิทยาลัยลุยเซียนาสเตตของสหรัฐ กล่าวว่า ลักษณะการกลายพันธุ์บางอย่างของไวรัสสายพันธุ์อินเดีย มีความคล้ายคลึงกับที่พบในสายพันธุ์บราซิลและสายพันธุ์แอฟริกาใต้
การกลายพันธุ์ดังกล่าวอาจช่วยให้ไวรัสหลบเลี่ยงแอนติบอดีในระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ซึ่งแอนติบอดีเป็นสิ่งเดียวที่จะต่อสู้กับไวรัสได้ หลังจากคนผู้นั้นได้รับวัคซีนหรือเคยผ่านการติดเชื้อมาแล้ว
ดูเหมือนว่าไวรัสสายพันธุ์อินเดียจะยังไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงที่น่ากังวลที่สุดในตอนนี้ เมื่อเทียบกับไวรัสสายพันธุ์เคนต์ หรือ B.1.1.7 จากสหราชอาณาจักร ซึ่งตรวจพบได้มากที่สุดภายในประเทศ รวมทั้งแพร่กระจายไปยังกว่า 50 ประเทศทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ดร. เจฟฟรีย์ บาร์เร็ตต์ จากสถาบันเวลล์คัมแซงเกอร์ของสหราชอาณาจักรชี้ว่า มีการพบเชื้อกลายพันธุ์ของอินเดียตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว หากเป็นตัวการที่ทำให้เกิดการระบาดรอบสองจริง ก็เท่ากับว่ามันใช้เวลาในการแพร่กระจายนานหลายเดือนมากกว่าจะมาถึงจุดนี้ ซึ่งหมายความว่าไวรัสสายพันธุ์อินเดียติดต่อกันได้ยากกว่าสายพันธุ์เคนต์