'โกเจ็ก'ตั้งเป้าภายใน9ปีใช้รถ'อีวี'ให้บริการผู้โดยสาร

'โกเจ็ก'ตั้งเป้าภายใน9ปีใช้รถ'อีวี'ให้บริการผู้โดยสาร

'โกเจ็ก'ตั้งเป้าภายใน9ปีใช้รถ'อีวี'ให้บริการผู้โดยสาร เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินกลยุทธเติบโตอย่างยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสังคม

โกเจ็ก แพลตฟอร์มเรียกรถและส่งอาหารรายใหญ่ในอินโดนีเซีย ประกาศแผนใช้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ทุกคันที่ให้บริการลูกค้าเป็นรถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าทั้งคัน ภายในปี 2573 เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินกลยุทธเติบโตอย่างยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสังคม

โกเจ็กกำหนดเป้าหมายนี้ หลังจากมีรายงานข่าวว่าบริษัทกำลังผนวกกิจการกับ“โทโกพีเดีย” บริษัทอีคอมเมิร์ซของอินโดนีเซีย เพื่อเปิดตัวแอพพลิเคชันที่ทำงานได้หลากหลายชื่อ“โกทู” (GoTo)

สำนักข่าวบลูมเบิร์กและรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในก่อนหน้านี้ว่า โกเจ็กเจรจากับโทโกพีเดีย เพื่อควบรวมกิจการกัน และหลังจากนี้จะมีการนำหุ้นออกขายแก่สาธารณชนเป็นครั้งแรก(ไอพีโอ)ภายในครึ่งแรกของปี 2564 นี้

การควบรวมกิจการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ 2 แห่งในอินโดนีเซียเข้าด้วยกัน จะทำให้มูลค่ากิจการของธุรกิจใหม่มีมูลค่ามากถึง 18,000 ล้านดอลลาร์ หลังจากในช่วงปลายเดือนธ.ค.ปี2563 ทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบกิจการซึ่งกันและกัน และในช่วงเดียวกันนี้มีกระแสข่าวลือว่าโทโกพีเดีย มีแผนที่จะเข้าตลาดหุ้นของสหรัฐผ่านการเข้าตลาดหลักทรัพย์ทางอ้อมโดยการควบรวมกิจการกับบริษัทที่ระดมทุนไว้ล่วงหน้า หรือ SPAC

แผนดังกล่าวกำหนดเอาไว้ว่าหลังจากการควบรวมกิจการแล้วจะนำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ทั้งในอินโดนีเซีย และในสหรัฐ เพื่อระดมทุนให้ได้มากที่สุดและมีมูลค่ากิจการที่สูง โดยข้อตกลงนี้ได้รับการสนับสนุนจากมาซาโยชิ ซัน จากซอฟท์แบงก์ หลังจากที่ข้อตกลงควบรวมกิจการระหว่างแกร๊บและโกเจ็กยืดเยื้อ

“เควิน อะลูวิ” ผู้ร่วมก่อตั้งโกเจ็ก ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นบีซีว่า การเคลื่อนไหวของบริษัทครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินกลยุทธเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้วาระสำคัญ“สามศูนย์”คือปล่อยไอเสียศูนย์เปอร์เซนต์ ทิ้งขยะศูนย์เปอร์เซนต์ และสร้างเครื่องกีดกันทางเศรษฐกิจ-สังคมศูนย์เปอร์เซนต์ ภายในปลายทศวรรษ และภายใต้แผนนี้ บริษัทซึ่งก่อตั้งมานาน 11 ปีจะลงทุนในโครงการนำร่องด้านอีวีทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่แผนนี้จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากภายนอกด้วย

“แน่นอนว่าเราจะลงทุนมากขึ้นเพื่อให้แผนการทำให้รถทุกคันของเราเป็นรถไฟฟ้าแต่จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือทั้งจากภาครัฐและเอกชนในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานขึ้นมาสนับสนุน”อะลูวี กล่าว และว่าที่ผ่านมามีบริษัทจำนวนมากในประเทศแสดงความสนใจอยากมีส่วนร่วมที่จะเปลี่ยนไปพึ่งพาพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งบรรดาผู้ผลิตแบตเตอรี่ ทองแดง ตลอดจนบรรดาเจ้าหน้าที่ภาครัฐ

“อินโดนีเซียเป็นหนึ่งในหลายๆประเทศที่มีระบบขนส่งที่ใช้รถจักรยานยนต์มากที่สุด จึงมีบริษัทหลายแห่งสนใจที่จะมีส่วนร่วมกับโครงการนี้ของเรา”อะลูวี กล่าว

ด้าน“อันเดร โซลิสต์โย” ซีอีโอร่วมของโกเจ็ก กล่าวว่า ภาคเอกชนมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องเริ่มลงมือแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ซึ่งกำลังทำลายโลกและชุมชนในขณะนี้ และโกเจ็กก็เริ่มทำตามเป้าหมายในหลายส่วน ซึ่งจะมีการประเมินผล และเปิดเผยข้อมูลในด้านความยั่งยืนเป็นประจำทุกปี และโครงการระดับนานาชาติที่ทำมี 3 ด้าน

คือ 1.จัดทำรายงานบัญชีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการจัดการขยะในทุกปี โดยเริ่มในปีนี้ 2.เพิ่มฟีเจอร์ GoGreener ในแอพพลิเคชัน ซึ่งเป็นฟีเจอร์การชดเชยก๊าซคาร์บอนประเภท B2C ครั้งแรกของโลกในแวดวงธุรกิจเรียกรถรับจ้าง 3.ทำโครงการเก็บค่าช้อนส้อมเพิ่ม เพื่อช่วยลดการเกิดขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวได้มากกว่า 13 ตัน ซึ่งโครงการนี้เริ่มตั้งแต่เดือนส.ค.ปี 2556 และได้รวบรวมขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวมากกว่า 6.3 ตันไปรีไซเคิลผ่านโครงการนำร่องในปี 2562 และมีแผนจะดำเนินโครงกานำร่องอีกจำนวนมากในปี2564

โกเจ็ก เป็นธุรกิจสตาร์ทอัพ ก่อตั้งโดย“เดียม มาคาริม” ชาวอินโดนีเซียที่ไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่มัธยม จบด้านการบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ เหตุผลที่ทำให้เขาคิดทำธุรกิจนี้ เพราะมองเห็นว่าอะไรคือบริการที่สามารถแก้ปัญหาลูกค้าได้ และมองเห็นว่ากรุงจาการ์ตา เมืองหลวงอินโดนีเซีย มีปัญหารถติดรุนแรงที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก ผู้คนจึงต้องการรถด่วนไว้บริการอย่างเช่น รถจักรยานยนต์รับจ้าง ที่ปลอดภัยให้บริการทุกซอกซอย

อย่างไรก็ตาม ในเดือนต.ค.ปี 2562 มาคาริม ลาออกจากการเป็นผู้บริหารบริษัทและเข้าร่วมคณะรัฐมนตรีอินโดนีเซีย ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ