9 วัน 'จองฉีดวัคซีนโควิด-19' เพียง 1.5 ล้านคน
คนลงทะเบียน "จองฉีดวัคซีนโควิด-19" เพียง 1.5 ล้านกว่าคน แนะมีสิทธิลงทะเบียนได้ถึง 31 พ.ค.นี้ ย้ำวัคซีนมีประสิทธิภาพ ควรฉีดให้ครบ
เข้าสู่วันที่ 9 ของการเปิดบริการแอพพลิเคชั่น “หมอพร้อม” เวอร์ชั่น 2 ลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนโควิด-19 ข้อมูลล่าสุด จากเพจ “หมอพร้อม” ณ วันที่ 9 พ.ค.2564 เวลา 08.00 น. พบว่าขณะนี้มีลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนสะสมรวม 1,551,342 ราย แบ่งเป็นการของคิวผ่านแอพฯ “หมอพร้อม” จำนวน 1,254,218 ราย และจองคิวในพื้นที่ผ่านโรงพยาบาล,รพ.สต. และอสม.จำนวน 297,124 ราย
โดยผู้ที่มีสิทธิลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนโควิด-19 รอบนี้ มีทั้งหมด 16 ล้านคน จาก 2 กลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 11.7 ล้านคน และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง 4.3 ล้านคน ซึ่งทุกคนจะได้ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา
ทั้งนี้ หลังจากเปิดบริการลงทะเบียน “จองคิวฉีดวัคซีนโควิด-19” พบว่าช่วงแรกมีปัญหาในเรื่องของระบบ ไม่ว่าจะเป็น ระบบล่ม บางคนไม่สามารถเลือกโรงพยาบาลได้ บางคนไม่สามารถลงทะเบียนเนื่องจากรายชื่อตกหล่น ลงทะเบียนไม่ได้เพราะระบบแจ้งว่าข้อมูลไม่ถูกต้อง ประเมินผลข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนไม่ได้ เป็นต้น ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้มีการเร่งแก้ไขปัญหาทั้งหมด แต่ยังพบปัญหารายวันอยู่ดี
แถมยังเกิดคำถามมากมาย เริ่มจาก ลงทะเบียน “หมอพร้อม” รอบแรกภายได้ถึงเมื่อใด : ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 - 31 พ.ค.2564 หรือจนกว่าวัคซีนจะมา และสามารถกำหนดวันฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.2564 ส่วนรอบประชาชนทั่วไปนั้นซึ่งเป็นกลุ่มสุดท้ายของรายชื่อกลุ่มเป้าหมายผู้รับวัคซีน (whitelist) คาดว่าจะเปิดให้จองสิทธิ์เดือนก.ค. และสามารถฉีดวัคซีนได้ในเดือนส.ค.หรืออาจเร็วกว่านั้น ขึ้นอยู่กับจำนวนวัคซีนที่เหลือ และการจัดสรรวัคซีนได้เพิ่มเติม
- แนะนำคนไทย "จองฉีดวัคซีนโควิด-19"
ต่อมา ลงทะเบียนแล้วไปฉีดที่ไหนได้บ้าง? และโรงพยาบาลเปิดให้ฉีดวัคซีนได้จำนวนเท่าไร? ซึ่งหากท่านลงทะเบียนได้ ก็จะสามารถเลือกสถานที่รับการฉีดวัคซีนได้ตามที่ปรากฏบน Line Official Account “หมอพร้อม” หรือ Mobile application “หมอพร้อม” เช่น โรงพยาบาลที่ท่านรักษาเป็นประจำ เป็นต้น โดยขณะนี้โรงพยาบาลรองรับการ"ฉีดวัคซีน"ได้ ดังนี้ โรงพยาบาลขนาดเล็ก 360 คน/วัน และโรงพยาบาลขนาดใหญ่ 600 คน/วัน
แต่ในส่วนของโรงพยาบาลสนาม ไม่ได้เปิดให้ฉีดวัคซีน ขอให้ประชาชนไป"ฉีดวัคซีน"ที่โรงพยาบาลเท่านั้น เนื่องจากมีประวัติอยู่แล้ว เพราะกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง อาจมีความเสี่ยงหากต้องไปฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลสนาม ทั้งนี้ สำหรับเอกสารที่ต้องใช้ฉีด “วัคซีนโควิด-19” คือ บัตรประจำตัวประชาชน หน้าแอปพลิเคชั่น “หมอพร้อม” ที่ยืนยันการรับวัคซีน หรือ เอกสารการนัดรับวัคซีน กรณีลงทะเบียนผ่านโรงพยาบาลที่ท่านรักษาอยู่ หรือ รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หรือ อสม.
ว่ากันว่า สำหรับรอบผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง จะเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่จนถึงขณะนี้ผ่านไป 9 วัน มียอดจองฉีดวัคซีนเพียง 1.5 ล้านกว่าคนเท่านั้น เกิดอะไรขึ้น? ทำไมยอด "จองฉีดวัคซีนโควิด -19" ถึงยังน้อยเพียงนี้ หรือคนไทยไม่มั่นใจประสิทธิภาพของวัคซีน??
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ก “Yong Poovorawan” ระบุจากการที่นักข่าวถามว่า จะให้พูดหรือมีวิธีอะไรที่จะเชิญชวน ให้คนมา "ฉีดวัคซีน" ตนได้ตอบไปว่าสิ่งที่สำคัญคนจะมาฉีดหรือไม่ฉีด ขึ้นอยู่กับนักข่าว และสื่อออนไลน์ เพราะจะเห็นว่า นักข่าวเองจะเสนอข่าว และชอบข่าวที่เป็นเรื่องร้าย ที่มีความจริงเพียง 20% แต่ทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิด โดยมีความเห็นแถมเข้าไปให้เป็นร้อยเปอร์เซ็นต์
เช่น การเสียชีวิตหลัง"ฉีดวัคซีน"จะเป็นข่าวใหญ่โตมาก ทั้งที่การ"ฉีดวัคซีน"เป็นล้านคน และทั่วโลกเป็นพันล้านคน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีเสียชีวิต หลัง"ฉีดวัคซีน" ทั้งที่เมื่อพิสูจน์แล้วการเสียชีวิตนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ วัคซีน เป็นการเสียชีวิตจากเหตุใดก็ได้ ที่เกิดขึ้นหลังการ"ฉีดวัคซีน" จะมีการลงข่าวใหญ่โต เมื่อมีอาการข้างเคียงของวัคซีน แต่เมื่อพิสูจน์แล้วไม่ได้เกิดจากวัคซีน ก็ไม่ได้มีการลงข่าวแก้ให้เลย
- ขอให้เชื่อมั่น "วัคซีนโควิด-19" มีประสิทธิภาพ
ในภาวะปกติ ประเทศไทยก็มีโรคไหลตาย ที่ทีมเรากำลังทำการศึกษากันอยู่ ไม่รู้สาเหตุด้วยซ้ำ นอนหลับแล้วเสียชีวิตไปเลยก็มี ยังต้องมีการตรวจพิสูจน์ สิ่งที่ได้เน้นไปเมื่อวานนี้ คือควรพูดความจริง ตามหลักเกณฑ์ของวิทยาศาสตร์ ไม่ควรออกความเห็น โดยเฉพาะถ้าออกความเห็นไปเรื่อยๆ จะมีอคติ ต่อความจริงนั้น ถ้าพูดความจริงตามหลักเกณฑ์ของวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ให้ประชาชนเข้าใจ และการตัดสินใจจะฉีดวัคซีนหรือไม่ฉีด เป็นสิทธิ์ของทุกคน
ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากข้อกังวลประชาชนหลังคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มีมติเห็นชอบให้มีการ "ฉีดวัคซีนโควิด-19" ของซิโนแวค ในผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่มีสุขภาพดี ซึ่งข้อมูลการวิจัยของประเทศจีนพบว่ามีความปลอดภัยและกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี
ขอชี้แจงว่าประเด็นดังกล่าว เพื่อเป็นการขยายโอกาสให้ผู้สูงอายุในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุดเพื่อลดอัตราการติดเชื้อ จำกัดวงการแพร่ระบาด ลดการป่วยที่รุนแรง และการเสียชีวิต ระหว่างรอวัคซีนจาก แอสตร้าเซนเนก้าสำหรับฉีดให้กับคนในประเทศ นอกจากนี้รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ที่เกษียณอายุ แต่ยังคงปฏิบัติงานนับเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สามารถฉีดซิโนแวคได้เช่นกัน
นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ป่วยเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ที่ได้ลงทะเบียนฉีดวัคซีนผ่าน แพลตฟอร์ม “หมอพร้อม” จะได้รับการฉีดวัคซีนจากแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งเป็นวัคซีนหลักของประเทศ เพราะจะมีวัคซีนชนิดนี้ถึง 16 ล้านโดสในเดือน มิถุนายน และ กรกฎาคม 2564 ยกเว้นในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ไม่มีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า มีแต่วัคซีนของซิโนแวค การฉีดขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ ส่วนวัคซีนอื่นๆ ที่รัฐบาลพยายามจัดหามานั้นเพื่อให้เกิดความครอบคลุมทุกกลุ่มประชากรให้มากที่สุด
“ขอให้ประชาชน มั่นใจว่าวัคซีนทุกชนิดที่นำมาฉีดให้กับคนในประเทศนั้นมีความปลอดภัย เนื่องจากต้องมีการศึกษาข้อมูลทางวิชาการ มีคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญพิจารณาก่อนนำมาฉีดให้กับคนในประเทศมีกระบวนการตรวจสอบคุณภาพ มาตรฐาน และประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 และสิ่งที่คำนึงสูงสุดคือความปลอดภัยของประชาชนจากการฉีดวัคซีน” นพ.โสภณกล่าว