'เพื่อไทย' แนะรัฐบาล ตั้งจุด 'วอล์คอินฉีดวัคซีน' ที่เดียวกับเขตเลือกตั้ง
"อรุณี" ชี้ รัฐบาล ล้มเหลว ไร้เอกภาพ แก้วิกฤติ โควิด หลัง ประยุทธ์ เบรก วอล์คอินฉีดวัคซีน สวนทาง "อนุทิน" ทำปชช.สับสน การสื่อสารขัดแย้งกันเอง ไม่เคยสร้างความเชื่อมั่นได้ แนะ ใช้เขตเลือกตั้ง กระจายวัคซีน
น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ประกาศยกเลิกการเปิดจุดฉีดวัคซีนโควิด-19 แบบวอล์คอินว่าเป็นการตอกย้ำความล้มเหลวซึ่งเกิดจากการทำงานที่ไม่เป็นเอกภาพของรัฐบาลในสถานการณ์วิกฤติโรคระบาดอีกครั้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เพิ่งประกาศว่าเตรียมเปิดจุดฉีดวัคซีนแบบวอล์คอินในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ในสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่กระทบกับพี่น้องประชาชนให้ตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่ ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้ตนเองพ้นจากภัยโรคระบาด แต่รัฐบาลกลับเป็นต้นเหตุสร้างความสับสน ด้วยการให้ข่าวสารที่ขัดแย้งกันเองหลายครั้ง ทั้งที่ในสภาวะวิกฤติประชาชนต้องการความเชื่อมั่น การสื่อสารของรัฐบาลต้องแม่นยำ ชัดเจน เข้าใจง่าย และมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนได้พิจารณาและปฎิบัติตัวได้อย่างถูกต้อง
น.ส.อรุณี กล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดี มีชีวิตที่ปลอดภัย แต่พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้คุมอำนาจสูงสุด กลับไม่เคยสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนได้เลยสะท้อนชัดผ่านความขัดแย้งในแนวนโยบายกันเอง โดยเฉพาะเรื่องการบริหารจัดการวัคซีน ที่รัฐต้องเปิดเผยข้อมูลและข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาและรอบด้าน เช่น การจัดหาวัคซีนโควิด-19 ให้เร็วกว่ากำหนด อัพเดตจำนวนวัคซีนที่เข้ามาและเหลืออยู่แบบวันต่อวัน เปิดเผยข้อมูลประสิทธิภาพวัคซีนและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น การเรียงลำดับการฉีดวัคซีนตามความสำคัญต่อการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่และในเชิงเศรษฐกิจโดยไม่กล่าวโทษประชาชน รวมถึงการกระจายจุดฉีดวัคซีนแบบวอล์คอินที่สามารถจัดการได้ โดยอาจใช้จุดเดียวกับเขตการเลือกตั้งหากวัคซีนมีหลากหลายและเพียงพอ ข้อมูลเหล่านี้ต้องส่งตรงถึงมือประชาชนในทุกช่องทาง ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานแต่สำคัญที่สุดที่รัฐต้องสื่อสารกับประชาชนในสถานการณ์โรคระบาดนี้
น.ส.อรุณี กล่าวว่า โควิด-19 เกิดขึ้นในไทยมาแล้ว 1 ปี ส่วนพล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศมา 7 ปี แต่การบริหารจัดการยังกลับไปกลับมา เหมือนเด็กเล่นขายของ จึงไม่แปลกใจหากสิ่งที่เกิดขึ้นจะลดทอนความศรัทธาที่ประชาชนเคยมีต่อรัฐบาลหมดสิ้นไม่เหลือแล้ว