‘ดอน’ พร้อมถก ‘รมว.กต.จีน’ สถานการณ์เมียนมา - หนุนตั้งผู้แทนพิเศษอาเซียน
“ดอน ปรมัตถ์วินัย” เตรียมหารือ “หวัง อี้” ในระหว่างการประชุมอาเซียน - จีน สมัยพิเศษ ต่อสถานการณ์เมียนมา ทางไทยสนับสนุนให้แต่งตั้งผู้แทนพิเศษอาเซียน
นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยในวันอาทิตย์ ( 6 มิ.ย.) ว่า ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-จีน สมัยพิเศษ และการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (MLC) ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 6 - 8 มิถุนายน 2564 ณ นครฉงชิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีกำหนดจะพบหารือทวิภาคีกับมนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน และรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อหารือในประเด็นทวิภาคีและสถานการณ์ในภูมิภาค รวมถึงสถานการณ์ในเมียนมา
นานธานี กล่าวว่า ตามที่ขณะนี้อาเซียนกำลังถูกวิจารณ์จากหลายฝ่ายว่า ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ในการดำเนินการแก้ปัญหาในเมียนมาแม้เวลาได้ล่วงเลยมากว่า 1 เดือน หลังจากที่ผู้นำอาเซียนได้ประชุมกันที่กรุงจาการ์ตา เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2564 และมีข้อตกลงในรูปแบบของฉันทามติ 5 ข้อ ไทยประสงค์ให้มีการดำเนินการตามฉันทามติ 5 ข้อที่ที่ประชุมผู้นำอาเซียนได้เห็นพ้องกันอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะการแต่งตั้งผู้แทนพิเศษของอาเซียน และการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนเมียนมาที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งอาเซียนกำลังหารือรายละเอียดเรื่องนี้
นอกจากนี้ ยังหวังว่าประชาคมโลกและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในเมียนมา จะให้การสนับสนุนกระบวนการขับเคลื่อนของอาเซียนดังกล่าวด้วย
ในส่วนของประเทศไทย ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า ยังไม่ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ในการผลักดันให้มีการแก้ปัญหาในเมียนมา แม้สถานการณ์ทางการเมืองในเมียนมาจะเกิดขึ้นมากว่า 4 เดือนแล้ว ทั้งที่ไทยเป็นประเทศเพื่อนบ้าน และถูกมองว่ามีความใกล้ชิดกับฝ่ายต่าง ๆ ในเมียนมา รวมถึงกองทัพเมียนมานั้น นายธานี ยืนยันว่า ไทยตระหนักดีถึงความคาดหวังของประชาคมระหว่างประเทศ ขณะเดียวกันในฐานะบ้านใกล้เรือนเคียง
"เราก็ตระหนักถึงความซับซ้อนของสถานการณ์ในเมียนมาเช่นกัน ไทยได้ติดตามสถานการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิดและมีความไม่สบายใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของเมียนมา และเสียใจอย่างยิ่งกับการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ความรุนแรง" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุ
ที่ผ่านมา ไทยได้เรียกร้องผ่านช่องทางต่าง ๆ มาโดยตลอดให้มีการคลี่คลายสถานการณ์ ยุติความรุนแรง ปล่อยตัวผู้ถูกคุมขัง และขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหาทางออกร่วมกันโดยสันติวิธีด้วยการพูดคุยกันผ่านช่องทางที่สร้างสรรค์ใด ๆ เพื่อประโยชน์ของประชาชนเมียนมา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไทยให้ความสำคัญ และก็จะยังคงสนับสนุนและผลักดันให้มีความคืบหน้าในเรื่องเหล่านี้ต่อไป
"การดำเนินการของไทยหลายเรื่องอาจไม่ได้มีการป่าวประกาศให้สาธารณชนทราบ เนื่องจากเรายึดแนวทางการทูตแบบเงียบ ๆ ในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งก็เป็นแนวทางการทูตของไทยมาโดยตลอด" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว
นายธานี เน้นย้ำว่า ไทยให้ความสำคัญและห่วงใยความเป็นอยู่ของประชาชนเมียนมาซึ่งเป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิดของคนไทย โดยเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รัฐบาลไทยก็ได้ให้ความช่วยเหลือมนุษยธรรมจำนวน 5,000,000 บาท ผ่านสภากาชาดไทยไปยังสภากาชาดเมียนมา เพื่อนำไปใช้ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการแพทย์แก่ประชาชนเมียนมา นอกเหนือจากโครงการความร่วมมือเพื่อการพัฒนาต่าง ๆ ที่รัฐบาลไทยได้ดำเนินการในเมียนมามาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ซึ่งมุ่งเน้นประโยชน์ของประชาชนเมียนมาเป็นหลัก ทั้งนี้ ไทยยินดีที่จะมีบทบาทช่วยสนับสนุนอย่างสร้างสรรค์เพิ่มเติมในฐานะมิตรที่ดีของทุกฝ่ายในเมียนมาและส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียน
สำหรับประเด็นการสู้รบระหว่างกองทัพเมียนมากับกองกำลังกะเหรี่ยงบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา อันเป็นเหตุให้มีประชาชนชาวเมียนมาจำนวนมากข้ามมาฝั่งไทย บริเวณชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อหลบหนีความไม่สงบนั้น นายธานี ยืนยันว่า การรักษาสันติภาพและเสถียรภาพบริเวณชายแดนไทย - เมียนมาเป็นเรื่องสำคัญและมีผลโดยตรงต่อชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนที่อาศัยอยู่ในทั้งสองฝั่ง ดังนั้น จึงอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในเมียนมาร่วมมือกันรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดน เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองฝั่งชายแดน ขณะเดียวกัน ไทยได้ให้ความช่วยเหลือมนุษยธรรมแก่ผู้หนีภัยความไม่สงบในเมียนมาที่เดินทางข้ามมาฝั่งไทยตามหลักการมนุษยธรรมที่ไทยยึดถือมายาวนานด้วย