ศึกหนัก!‘กัมมันตภาพรังสีรั่ว?’ซ้ำเติมจีน
จีนเจอศึกหนักทั้งในประเทศ-ต่างประเทศ การรับมือของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ในมณฑลกวางตุ้ง การถูกรุมโจมตีทั้งจากจี7และนาโต้ และล่าสุด การนำเสนอข่าวของสื่อตะวันตกประเด็นกัมมันตภาพรังสีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รั่ว ยิ่งซ้ำเติมจีนให้ปวดหัวมากขึ้น
รัฐบาลจีนกำลังเจอศึกหนักทั้งการระบาดของโรคโควิด-19 ในภาคใต้ของประเทศที่หวนกลับมาอีกระลอก การตกเป็นเป้าโจมตีในเวทีประชุมผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม 7ประเทศ (จี7) การถูกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ(นาโต้)ออกแถลงการณ์ร่วม ประกาศว่าจีน เป็นประเทศที่เป็นความท้าทายด้านความมั่นคงของโลก
และล่าสุด ประเด็นการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสี ที่โรงงานพลังงานนิวเคลียร์ไท่ชาน มณฑลกวางตุ้ง ที่สื่อตะวักตกรายงาน แต่รัฐบาลปักกิ่ง ปิดปากเงียบ จนหุ้นส่วนที่เป็นบริษัทพลังงานสัญชาติฝรั่งเศสส่งเรื่องร้องเรียนจนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก
การรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสี เป็นเรื่องใหญ่ที่ชาติตะวันตกให้ความสำคัญ เว็บไซต์สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นของสหรัฐ รายงานโดยอ้างคำให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐหลายคนและเอกสารหลายฉบับ เมื่อวันจันทร์ (14 มิ.ย.) ว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐกำลังประเมินความเป็นไปได้ของรายงานฉบับหนึ่ง ที่ระบุว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งหนึ่งในจีนรั่วไหล หลังจาก ฟรามาโตม บริษัทสัญชาติฝรั่งเศส ที่ถือหุ้นและมีส่วนในการดำเนินงานโรงไฟฟ้าแห่งนี้ เตือนว่ามีภัยจากกัมมันตภาพรังสีที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน
คำเตือนของบริษัทฟรามาโตม ที่ส่งไปยังกระทรวงพลังงานของสหรัฐ ระบุด้วยว่า หน่วยงานด้านความปลอดภัยของรัฐบาลจีนกำลังเพิ่มเพดานข้อกำหนดของกัมมันตภาพรังสีนอกโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ เพื่อจะได้ไม่ต้องปิดโรงไฟฟ้า
นอกจากนี้บริษัทฟรามาโตมยังขอให้รัฐบาลสหรัฐระงับข้อกำหนดบางอย่างเพื่อนำความช่วยเหลือทางเทคนิคของสหรัฐไปแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นที่โรงไฟฟ้าดังกล่าวด้วย แต่ถึงแม้สหรัฐอาจให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคแก่บริษัทพลังงานฝรั่งเศส แต่ท้ายที่สุดแล้ว ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลจีนว่าจะปิดโรงไฟฟ้าที่มีปัญหานี้อย่างเด็ดขาดหรือไม่
ขณะที่หนึ่งในแหล่งข่าว เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เชื่อว่าโรงไฟฟ้าแห่งนี้ยังไม่ได้อยู่ในขั้นวิกฤต แต่การที่บริษัทต่างชาตินำเรื่องมาแจ้งรัฐบาลสหรัฐเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยที่หุ้นส่วน ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจจีนยังไม่ยอมรับว่ามีปัญหาเกิดขึ้น ก็ไม่ใช่เรื่องปกติด้วยเหมือนกัน
ส่วนปฏิกิริยาของจีน ทั้งในส่วนของรัฐบาลและบรรดาสื่อที่เป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลต่างไม่แสดงความเห็นใดๆ แถมบรรดาสื่อชั้นนำของจีน ทั้งสำนักข่าวซินหัวและสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี ก็พยายามหลีกเลี่ยงไม่เอ่ยถึงข่าวนี้ที่ถูกเสนอออกมาจากโลกตะวันตก
เมื่อวันอาทิตย์ (13 มิ.ย.) โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไท่ซานออกแถลงการณ์บนเว็บไซต์ว่า สถานการณ์ยังปกติ เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้ง 2 เตาที่โรงไฟฟ้ายังทำงานอยู่ และเตาที่ 2 เพิ่งมีการปรับปรุงครั้งใหญ่เมื่อไม่นานมานี้ ทั้งยังเชื่อมต่อเข้ากับระบบจ่ายไฟฟ้าด้วยความสำเร็จเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา
การรั่วไหลของกัมมันตรังสีตามรายงานของสื่อตะวันตก เกิดขึ้นในช่วงที่จีนกำลังเจอสารพัดปัญหารุมเร้า ทั้งในประเทศและในเวทีโลก ปัญหาในประเทศคือการรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ล่าสุด เจ้าหน้าที่ในมณฑลกวางตุ้งของจีน เร่งระดมตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้กับประชาชนจำนวนมาก รวมถึงประกาศล็อกดาวน์พื้นที่หลายจุดเพื่อควบคุมยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในเมืองกว่างโจว ซึ่งการระบาดรอบนี้ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจหลายภาคส่วนทั้งส่งออก โลจิสติก และธุรกิจชิปปิ้ง
ส่วนในเวทีโลก ตอนนี้จีนกำลังถูกรุมจากชาติตะวันตกทั้งจากกลุ่มจี 7 และกลุ่มนาโต้ ที่เมื่อวันจันทร์ (14 มิ.ย.)ผู้นำกลุ่มประเทศองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) 30 ประเทศ ร่วมกันลงนามประกาศให้จีนเป็นความท้าทายต่อความมั่นคงและระเบียบของโลกที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎเกณฑ์
นาโตระบุว่า จีนมีพฤติกรรมที่ทะเยอทะยานและใช้นโยบายแบบบีบบังคับ เห็นได้จากการกดขี่ชาวมุสลิมอุยกูร์ในเขตปกครองตนเองซินเจียง และจีนยังขาดความโปร่งใสและมักใช้การบิดเบือนข้อมูลอยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับประเด็นปัญหาต่างๆ
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่กลุ่มนาโตมองว่าจำเป็นต้องตอบโต้หรือทำอะไรบางอย่างกับอิทธิพลของจีนที่เพิ่มมาขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่กลุ่มนาโต้มักให้ความสำคัญกับภัยคุกคามจากรัสเซียเป็นหลัก
แถลงการณ์ร่วมของนาโต้เกี่ยวกับจีน สอดคล้องกับแถลงการณ์ร่วมของจี7 ที่วิพากษ์วิจารณ์จีนในประเด็นอ่อนไหวหลายเรื่อง ตั้งแต่การละเมิดสิทธิมนุษยชนในมณฑลซินเจียง สิทธิปกครองตนเองของฮ่องกง ประเด็นเรื่องไต้หวัน พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลจีนสืบสวนหาต้นกำเนิดของไวรัสโควิด-19 อย่างละเอียด