เจาะลึก ‘JNFT’ ตลาดกลางซื้อขายงานศิลปะ รับกระแส 'คริปโตฯ' เจ้าแรกของไทย
ชวนดูช่องทางการซื้อขายผลงานศิลปะแบบใหม่ในรูปแบบคริปโต กับตลาดกลางดิจิทัลเจ้าแรกของประเทศไทย "JNFT" มีจุดเด่นอย่างไร จะพางานอาร์ตไทยไปตลาดโลกได้ไกลแค่ไหน หาคำตอบไปพร้อมกัน
แม้ตลาดคริปโตจะมีความผันผวนอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา แต่ล่าสุดคนไทยก็ได้พร้อมจะปล่อยแพล็ตฟอร์มตลาดกลางในการซื้อขายผลงานศิลปะไทยในระบบดิจิทัล รูปแบบ "คริปโตอาร์ต" แล้ว โดยมีชื่อว่า JNFT ร่วมพัฒนาภายใต้ J Finn ในเครือของ J-MART และ Token nine
“กรุงเทพธุรกิจออนไลน์” ชวนดู “JNFT" มีจุดเด่นอย่างไร จะช่วยพาผลงานศิลปะไทยไปไกลได้แค่ไหน ประโยชน์ที่ได้จากการลงขายช่องทางนี้ให้อะไรครีเอเตอร์กลับมาบ้าง?” ตามไปดูกัน
“JNFT” เป็น “ตลาดกลาง ซื้อ-ขาย-ประมูล ผลงานศิลปะ” ในรูปแบบ “คริปโตเคอเรนซี" รายแรกของ “ประเทศไทย” ซึ่งพื้นที่นี้จะกลายมาเป็น ช่องทางดิจิทัล-โอกาสใหม่ ในการสร้างรายได้ให้กับศิลปินและผู้สร้างผลงานศิลปะทุกๆ รูปแบบ
โดยก่อตั้งร่วมกันระหว่าง J Finn ในเครือของ J-MART และ Token nine ซึ่งคาดว่า “อาจจะกลายมาเป็นที่นิยมในหมู่ศิลปิน” นับจากนี้ เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบันยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นจนสามารถทำให้กลับไปจัดแสดงโชว์ ออกขายผลงาน เปิดอีเวนต์กันได้อย่างปกติ
- ผลงานศิลปะแบบไหนบ้างที่ลงขายได้?
รูปภาพ ภาพวาด ภาพสเก็ตช์ แอนิเมชั่น วีดิโอ เพลง การ์ตูน ภาพพยนตร์ หนังสั้น วรรณกรรม กลอน และศิลปะรูปแบบอื่นๆ อีกมากมาย
รองรับนามสกุลไฟล์ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น JPG, GIF, PNG, MP4 *ซึ่งงานศิลปะเหล่านี้จะถูก “มิ้นท์” (minted) ทำให้อยู่ในรูปแบบไฟล์เหรียญเงินตรา NFT เพื่อให้เหรียญนี้เป็นตัวแทนว่า บุคคลที่ได้ทำการซื้อผลงานชิ้นนี้ เป็นเจ้าของไฟล์งานศิลปะชิ้นนี้จริงๆ และผลงานชิ้นนี้มีชิ้นเดียวในโลก
- “จุดเด่นของ JNFT” ตลาดกลางขายงานศิลปะ
-เพื่อให้คนสืบสานผลงานศิลปะ วัฒนธรรม ได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น ด้วยความอัจฉริยะทางเทคโนโลยีรูปแบบใหม่นี้
-สามารถสื่อสารด้วย “ภาษาไทย” ได้ (ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องข้อจำกัดทางภาษา)
-มีบุคคลและบริษัทที่ดูแลอย่างชัดเจน (ไม่ทำให้ต้องกังวลเรื่องการสูญเสีย)
-เป็นตลาดกลางที่มีความสนุก ทำให้ได้พบเจอผู้ซื้อ ผู้ขาย นักสะสม นักสร้างผลงาน ที่มีความสนใจในงานศิลปะได้มาเจอกันในพื้นที่ใหม่นี้
-เป็นตลาดที่ให้ความหวือหวา เช่นเดียวกับคริปโตตัวอื่นๆ ทั้งในเรื่องดอกเบี้ย กำไร และส่วนต่าง (ไม่ต้องกังวลว่าอยู่ๆจะมีการถอดปลั๊กหรือเลิกกิจการไปอย่างดื้อๆ)
-JNFT รันในระบบ Binance เพื่อให้คนเข้าสู่ตลาดได้ง่ายขึ้น
- “ข้อดีของ NFT” ที่แตกต่างจากเหรียญอื่น?
-NFT เป็นเหรียญที่ “มีเหรียญเดียวในโลก” ต่อผลงานศิลปะชิ้นนั้นๆ แต่ “สามารถส่งต่อกันได้” เมื่อต้องการเปลี่ยนมือผู้ถือเหรียญนั้น
-เหรียญ NFT “ไม่มีการสูญหาย” แม้งานศิลปะตัวจริงจะโดนทำลายหรือเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ เพราะเหรียญ NFT อยู่ในระบบทั้งหมดทั่วโลก
-หากทำการเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ผู้ถือเหรียญ NFT ทุกๆ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะถูกบันทึกข้อมูลทั้งหมดเก็บอยู่ในระบบ Blockchain (นับตั้งแต่ศิลปินเจ้าของงานเป็นใคร ผู้ถือกรรมสิทธิ์เหรียญตั้งแต่คนแรก ไปจนถึงผู้ถือกรรมสิทธิ์เหรียญ ณ คนล่าสุด) ซึ่งเป็นข้อดีเพราะสามารถกลับไปตรวจสอบข้อมูลได้ทั้งหมด
- JNFT จะพา “งานศิลปะไทย” ไปสู่ตลาดโลกได้มากน้อยแค่ไหน?
-ด้วยความที่ เหรียญ NFT เป็นเหรียญคริปโตสากล ซึ่งอยู่ในระบบ Blockchain สากลอยู่แล้ว หากคนที่สนใจทำการซื้อขาย แค่มีอินเทอร์เน็ตก็สามารถเข้ามาซื้อผลงานได้เลย
-JNFT ทำตัวเองให้เป็น “องค์กร” ศูนย์กลางตลาดผลงานศิลปะของประเทศไทยโดยเฉพาะ และเมื่อนำผลงานของ “ศิลปินไทย” ไปเสนอตลาดระดับสากลในฐานะองค์กรของประเทศ ก็อาจได้รับความน่าเชื่อถือมากขึ้นด้วย
- JNFT คิด “ค่าบริการ” อย่างไรบ้าง?
-ทาง JNFT ไม่คิดค่ามิ้นท์เหรียญ (Minted fee)
-แต่จะคิดค่าบริหารเมื่อศิลปินขายผลงานได้ โดยคิดที่2.5% จากราคาผลงานที่ขายได้ (ในต่างประเทศส่วนใหญ่คิดขั้นต่ำที่ 10%)
-หากขายไม่ได้ ไม่คิดค่าบริการ
-นอกจากนี้ *ทุกๆ ครั้งที่มีการขายเหรียญ NFT ต่อให้กับผู้อื่น ทาง JNFT จะตัดส่วนแบ่ง 10% จากมูลค่าที่ขายเหรียญให้กับศิลปินเจ้าของงานต้นทางโดยอัตโนมัติ* (เพื่อให้ศิลปินมีกำลังใจที่จะขายผลงานบนตลาดกลางนี้)
- JNFT ทำงานอย่างไร?
-JNFT เป็น “ตลาดกลาง” ในการให้คุณทำการซื้อ-ขาย-ประมูล ผลงานศิลปะ เท่านั้น และไม่มี Log in ให้ต้องสมัครเข้าใช้งาน
-ทุกคนที่จะทำการซื้อขาย จะต้องมี/เปิด “Metamask” (กระเป๋าเงินที่ใช้เก็บโทเค็น) และดูแลรหัสของตนเองให้ดี
-ปัจจุบัน JNFT ยังเป็นเดโม่อยู่ กำลังพัฒนาให้ออกมาใช้ได้อย่างเป็นทางการแล้ว
-สำหรับศิลปิน/ครีเอเตอร์ เมื่อนำผลงานอัพโหลดขึ้นเพื่อมิ้นท์เหรียญ จะมีการใช้เวลาประมาณหนึ่ง ซึ่งเป็นการนำข้อมูลต่างไปอยู่ใน IPSS System ที่แก้ไขไม่ได้ และอยู่ในระบบ Blockchain ทั่วโลก
หมายเหตุ:
-หากผู้อัพโหลดผลงานลงระบบ JNFT แต่ไม่ได้เจ้าของผลงานที่แท้จริง จะเสียโอกาส แต่ทั้งนี้หากว่าโดนขโมยผลงานจริงๆ ทาง JNFT จะช่วยตามเรื่องให้ และสามารถดำเนินคดีตามกฎหมายในเรื่องลิขสิทธิ์ได้
-เหรียญ NFT นี้ ในส่วนของ “เจ้าของลิขสิทธิ์ผลงานยังคงเป็นเจ้าของผลงาน” แต่ “คนที่ซื้อเหรียญ NFT ไป จะได้เป็นเจ้าของเหรียญโทเค็น”
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน