สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ตแก้เกมโควิด! ชูสมาร์ทมาร์เก็ตติ้ง-เชื่อมโลกดิจิทัล
เผชิญความท้าทายอย่างมากตลอดห้วง 1 ปีของการแจ้งเกิดธุรกิจ "สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ" เมื่อวิกฤติการแพร่ระบาดของมหันตภัยโควิด-19 มาแบบไม่คาดคิดและไม่ทันตั้งตัว! ทั่้งยังคงอยู่ในขณะที่ธุรกิจก้าวสู่ปีที่ 2 พร้อมคาดหวังว่าสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลาย
"สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ" พรีเมียมเอาท์เล็ตแห่งแรกของไทยภายใต้การร่วมทุนระหว่างยักษ์ใหญ่ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้พัฒนาธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย และพันธมิตรระดับโลก ไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป ประเทศสหรัฐอเมริกา ตัดสินใจเปิดให้บริการท่ามกลางวิกฤติโควิดที่รุนแรงเพื่อปักหมุด "จุดหมายปลายทางของการชอปปิง" รองรับนักช้อปชาวไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก หากแต่กลับต้องรับมือกับสถานการณ์แพร่ระบาดหนัก กระทั่งคลี่คลาย และหวนกลับมาระบาดใหม่ระลอกแล้วระลอกเล่า เรียกได้ว่า ลงเหว! มาเป็นระยะ
ไมเคิ้ล ถัง กรรมการผู้จัดการบริษัท สยามพิวรรธน์ ไซม่อน จำกัด ผู้ดูแลโครงการ สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ กล่าวว่า ปี 2564 ยังคงเป็นอีกปีที่ท้าทาย! เพราะสถานการณ์โรคระบาดยังอยู่กับคนไทยและผู้คนทั้งโลก นักท่องเที่ยวยังไม่สามารถเดินทางได้ โดยประเทศไทยคาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวขยายตัวในระดับต่ำ 1-2% ขณะที่การฟื้นตัวจะเริ่มดีขึ้นปีหน้า คาดการณ์นักท่องเที่ยวจะกลับมาเติบโต 10-15% กระทั่งปี 2566-2567 จึงจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ!
สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ วางกลยุทธ์การตลาดเจาะกลุ่มเป้าหมายคนไทยเป็นหลัก 95% และชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย 5% พร้อมแพลตฟอร์มสั่งซื้อผ่านบริการออนไลน์ต่างๆ
“กลยุทธ์เราไม่เปลี่ยนเพราะยังไม่มีนักท่องเที่ยว ยึดคนไทยและต่างชาติที่อยู่ในเมืองไทย สร้างการรับรู้ดึงมาใช้จ่ายที่ศูนย์ ใช้ สมาร์ท มาร์เก็ตติ้ง รอจังหวะที่ดีในการเปิดเกม เมื่อประเทศเปิด วัคซีนครบ หวังว่าจะไม่มีระลอก 4 ฟ้าใส ฟ้าสว่างแน่นอน”
แผนธุรกิจระยะสั้น การพยุงตัวเองให้อยู่ให้ได้นั้นสำคัญที่สุด ด้วยวิธีการควบคุมต้นทุน ค่าใช้จ่าย ให้มีประสิทธิภาพ คือหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนธุรกิจที่ไม่มีทางเลือกมานัก และเป็นสิ่งเดียวที่ผู้ประกอบการจะทำได้ดี เพราะคุณไม่สามารถไปควบคุมการใช้จ่ายของลูกค้า ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกได้
“สถานการณ์เช่นนี้ ต้องรอจังหวะ เวลา ที่เหมาะสม ทั้งการตลาด การเปิดเกมรุก อย่างในช่วงการแพร่ระบาดหนักเหมือนตกลงเหว ทำไปไม่มีประโยชน์ แต่เมื่อจังหวะมา ก็ลุยเต็มที่ ซึ่งแผนระยะยาวยังคงมองการขยายธุรกิจในประเทศไทย ตลาดศักยภาพสูงของภูมภาคอย่างต่อเนื่องแน่นอน”
ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่า สถานการณ์โควิด เป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ สร้างอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ แต่ถือเป็นปีที่ดี! ได้เรียนรู้ ปรับตัว และวางแนวทางการทำงาน สร้างสรรค์กลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อผลักดันธุรกิจให้เดินหน้าต่อได้ ภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ
"เราก็เหนื่อยมาตลอดตั้งแต่ มี.ค.-เม.ย.ปีก่อน สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต เปิดตัวด้วยความพร้อม 65% แต่เราต้องเดินไปข้างหน้าเพื่อให้ความมัั่นใจกับประเทศและคนไทย"
ทั้งนี้ สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต ได้แก้โจทย์วิกฤติด้วยการเร่งพัฒนาโมเดลธุรกิจออนไลน์ (S-Commerce) เพื่อตอบสนองพฤติกรรมนักช้อปในการซื้อสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลา การโฟกัสทำตลาดกับลูกค้าคนไทย ทดแทนนักท่องเที่ยวที่หายไปจากผลกระทบของโรคโควิด-19 โดยมีการเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยด้านสุขอนามัยทั้งการตรวจวัดอุณหภูมิของลูกค้าก่อนเข้าใช้บริการ มีเจลแอลกอฮอล์ให้บริการ อีกทั้งเคร่งครัดในการทำความสะอาดจุดสัมผัสสาธารณะอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงการตรวจสุขภาพพนักงานเป็นระยะ สนับสนุนให้พนักงานได้รับวัคซีน โควิด-19 และการคัดกรองพนักงานจากบริษัทคู่ค้าที่เข้ามาทำงานในพื้นที่อย่างเข้มข้น เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจเมื่อมาชอปปิง
การปรับตัวดังกล่าวสร้างผลตอบรับที่อยู่ในเกณฑ์น่าพึงพอใจ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดร้านค้าแบรนด์ชั้นนำขยับจาก 65% เป็น 91% ในวันนี้ รวมเป็น 125 ร้าน สามารถดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาใช้บริการกว่า 2 ล้านคน มีสัดส่วนเป็นผู้หญิง 65% ผู้ชาย 35% ครอบคลุมทุกกลุ่มอายุ ทั้งเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน ผู้สูงวัย คาดว่าในครึ่งปีหลังนี้ จะดึงดูดผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการได้อีกมากกว่าล้านคน
ขณะที่ยอดการใช้จ่ายของลูกค้าที่เข้ามาชอปปิงภายในสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ เฉลี่ยอยู่ที่ 1,400-1,500 บาทต่อคน ค่อนข้างน่าพอใจและเหนือความคาดหมาย! เป็นตัวเลขที่ต้องการรักษาฐานไว้ให้ได้ในปีนี้
อย่างไรก็ดี ในปีนี้ลูกค้าจะเห็นความตื่นตาตื่นใจกับสินค้าแบรนด์เนมหลากหลายหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์แฟชั่นหรู ไลฟ์สไตล์แบรนด์ สินค้าแฟชั่น สินค้าเด็ก ที่จะเข้ามาเปิดให้บริการเพิ่มเติม อาทิ รีบอค บราวน์ แอนด์ โค แบรนด์แฟชั่นสุภาพบุรุษยู บาย อุงกาโร และปิแอร์ การ์แดง แบรนด์ชุดนอนผ้าเยื่อไม้ไผ่แท้วินเทล แบรนด์ชุดนอน ชุดอยู่บ้าน ลิขสิทธิ์แท้โจศิรินส์ ร้านของเล่นเด็ก สำหรับคุณหนูอัลฟ่าคิด และแบรนด์เพิ่มในปีหลัง ได้แก่ แบรนด์ดังจากฝรั่งเศสลองฌองป์ ซึ่งจะเปิด Exclusive Outlet แห่งแรกที่ สยามพรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ในเดือน ส.ค. รวมถึงร้านรองเท้าแบรนด์ยอดนิยมอย่างเอคโค่
เพื่อสร้างสีสันให้การชอปปิงยังมีร้านป๊อป อัพ สโตร์ ที่หมุนเวียนมาเปิด เพื่อสร้างความหลากหลายให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ เช่น เสื้อผ้าแบรนด์สำหรับวัยรุ่นวัยทำงานอย่างโพเมโล ใช้พื้นที่กว่า 500 ตรม. ลัช ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติแบรนด์ดังจากอังกฤษ ซึ่งเปิดให้บริการเป็นที่แรกที่สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ทั้งนี้ยังมีแบรนด์รองเท้าอย่างไนน์ เวสท์ สตีฟ แมดเด้น แอร์วอร์ค และเฟอร์นิเจอร์นำเข้าจากสหรัฐอเมริกาโยกิโบ
แพลตฟอร์มชอปปิงออนไลน์มีทั้งเว็บไซต์ของสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ www.siampremiumoutlets.com โซเชียลคอมเมิร์ซผ่านเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และบริการ CHAT&SHOP บนไลน์ออฟฟิเชี่ยล คาดว่าบริการนี้จะสามารถช่วยให้ร้านค้าต่าง ๆ สามารถเพิ่มยอดขายได้เพิ่มขึ้น 10-30%
การก้าวสู่ปีที่ 2 ของสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพยังไม่หยุดพัฒนาในการสรรหาสินค้าลักชัวรี่แบรนด์ระดับเวิลด์คลาส และอินเตอร์เนชั่นแนลแบรนด์ เข้ามาเพิ่มความหลากหลาย การหาพันธมิตรใหม่ เติมเต็มประสบการณ์ชอปปิงให้ลูกค้า เชื่อมต่อการช้อปปิ้งทั้งออฟไลน์สู่ออนไลน์ ไม่เพียงรองรับยุคดิจิทัล
อย่างไรก็ดี ก่อนการระบาดระลอก 3 สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ มีลูกค้าหมุนเวียน 5,000-6,000 คนต่อวัน เดือน พ.ค.ลดลง 20% เหลือ 3,000 คนต่อวัน วันนี้กำลังคืบกลับมาคงระดับที่่ 5,000 คนต่อวัน ภายใต้กลยุทธ์ร่วมด้วยช่วยกันของบุคลากรทั้งองค์กรที่เปรียบเสมือน “เซล” ทุกคนทั้งฝ่ายการตลาด แม้กระทั่งช่าง ทุกคนต้องช่วยกันขาย! เพื่อสร้างเม็ดเงินเข้ามา
ในความโชคร้ายของปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ แต่ความโชคดีของ ทีมเล็ก จะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาได้เร็ว! ทำให้การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ต่างๆ ทำให้รวดเร็ว สอดคล้องสถานการณ์ ต้องมองหลายซีนาริโอและพร้อมปรับใช้ในทันที