แนวปฎิบัติ 'กลุ่มเสี่ยง' ในศูนย์พักพิงหลังอพยพจาก 'ไฟไหม้โรงงานย่านกิ่งแก้ว'
'กลุ่มเสี่ยง' เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้สูงอายุ หมั่นสังเกตตนเองหลังจากอพยพออกมาจากบ้าน เหตุ'ไฟไหม้โรงงานย่านกิ่งแก้ว' หวั่น 'สารสไตรีนโมโนเมอร์' กระทบต่อสุขภาพ
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุระเบิดภายในโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกในซอยกิ่งแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ หรือ ไฟไหม้โรงงานย่านกิ่งแก้ว ว่าแรงระเบิดส่งผลให้ตัวอาคารของโรงงานได้รับความเสียหายถูกเพลิงไหม้และเกิดการเผาไหม้ สารสไตรีนโมโนเมอร์ที่เป็นของเหลว ไวไฟ เมื่อติดไฟจะให้ควันหรือก๊าซที่ระคายเคืองหรือเป็นพิษจึงห้ามอยู่ใกล้เปลวไฟและประกายไฟ
ขอให้ประชาชนในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว โดยเฉพาะ กลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์และผู้สูงอายุ ที่ได้รับผลกระทบและอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงบริเวณโดยรอบเฝ้าระวังอาการอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก สารสไตรีนโมโนเมอร์ มีผลระยะเฉียบพลันถึงระยะเรื้อรัง
โดยผลเฉียบพลันมีผลต่อระบบทางเดินหายใจ ระคายเคืองจมูก ลำคอ มีน้ำมูก เสียงหวีด ไอ ปอดบวม หัวใจเต้นผิดจังหวะ โคม่า และยังมีผลต่อการกดระบบประสาทส่วนกลาง เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนแรง เหนื่อย เวียนศีรษะ เดินเซ กล้ามเนื้อทำงาน ไม่ประสานกัน
- แนะ'กลุ่มเสี่ยง' เฝ้าระวังดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง
หากได้รับทางผิวหนังทำให้เกิดการระคายเคือง คัน และผลในระยะยาวอาจทำให้เกิดโรคผิวหนัง รวมถึงอาจเป็นสารก่อมะเร็งได้
นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อว่า ในช่วงนี้ผู้ที่อาศัยอยู่ใน ศูนย์พักพิง หรือใกล้บริเวณจุดเกิดเหตุ ควรเลี่ยงการอุปโภค บริโภคน้ำในแหล่งธรรมชาติหรือน้ำฝน และหากต้องการกลับเข้าไปดูแลหรือทำความสะอาดบ้านบริเวณใกล้จุดเกิดเหตุ ควรรอให้มีการตรวจวัดคุณภาพอากาศก่อน
ส่วนจะอนุญาตให้ประชาชนในรัศมี 5 กิโลเมตร กลับเข้าบ้านได้หรือไม่นั้น ยังต้องรอความชัดเจนจากผู้ว่าราชการจังหวัดอีกครั้ง และต้องมั่นใจว่าปลอดภัยแล้ว เนื่องจากอาจจะมีสารพิษตกค้างจากสารสไตรีนที่จะลอยต่ำ และอาจขังอยู่ตามท่อน้ำหรือที่แคบต่าง ๆ ได้ จึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษไม่ให้เกิดประกายไฟ และไม่สูบบุหรี่
- ย้ำ 'ศูนย์พักพิง' เข้มงวดมาตรการป้องกันโควิด 19
สำหรับบ้านเรือนที่อยู่เกินรัศมี 5 กิโลเมตรขึ้นไป ยังต้องติดตามข่าวสารและประเมินความเสี่ยงของทิศทางลมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะพัดควันหรือสารเคมีเข้ามา สู่บ้านเรือน
ทั้งนี้ ศูนย์พักพิง ทุกแห่งควรมี มาตรการป้องกันโควิด 19 เข้มงวดเรื่องการคัดกรองผู้เข้ามาพักอาศัยโดยการสอบถามประวัติเพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการติดหรือแพร่เชื้อโควิด-19 และมาตรการสำหรับผู้ที่พักพิงยังต้องเข้มงวดเช่นกัน โดยการล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำนาน 20 วินาที
ทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง ก่อนกินอาหารและหลังเข้าส้วม หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน กินอาหารที่ปรุงสุกร้อนอย่างทั่วถึง ควรแยกการกินอาหาร รักษาระยะห่างจากบุคคล ไม่จับกลุ่มพูดคุยกัน และ ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง