ออสเตรเลียเผยผู้เสียชีวิตโควิดรายแรก
ทางการออสเตรเลีย เปิดเผยวันนี้ (11ก.ค.)ว่าพบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 รายแรกของประเทศในปีนี้ ขณะที่ยอดผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ในนิว เซาท์เวลส์ ที่กำลังต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 77 ราย
นางกลาดีส์ เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ คาดการณ์ว่าจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ในนิว เซาท์เวลส์และรอบๆนครซิดนีย์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่สุดของประเทศจะเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แม้ว่าทางการได้ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์นาน 3 สัปดาห์แล้วก็ตาม
“ฉันคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในนิว เซาท์เวลส์จะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 100 รายในวันพรุ่งนี้ ถ้าน้อยกว่า100 คนดิฉันคงช็อก”นางเบเรจิกเลียน กล่าว
วันเดียวกันนี้ นายแดน เทแฮน รัฐมนตรีกระทรวงการค้าออสเตรเลียเปิดเผยว่า โครงการ Travel Bubble ซึ่งเป็นโครงการเดินทางระหว่างออสเตรเลียและสิงคโปร์
โดยที่ผู้เดินทางไม่ต้องกักตัวนั้น ถูกเลื่อนออกไปเป็นเวลาอย่างน้อยจนถึงสิ้นปี 2564 เนื่องจากการระบาดระลอก 3 ของโควิด-19 หลังจากที่ซิดนีย์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในออสเตรเลียต้องประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกรอบ อย่างไรก็ดี โครงการเปิดรับนักท่องเที่ยวดังกล่าว ยังคงเป็นเรื่องที่ออสเตรเลียให้ความสำคัญ
รัฐมนตรีกระทรวงการค้า กล่าวต่อไปว่า เมื่อใดที่มีการเปิดพรมแดนประเทศ การใช้พาสปอร์ตวัคซีนสำหรับการเดินทางจะกลายเป็นเงื่อนไขที่มีการนำมาใช้ต่อไปอีกเป็นเวลาหลายปี
ที่ผ่านมา ออสเตรเลียประสบความสำเร็จในเรื่องการควบคุมโควิด-19 แต่การกระจายการฉีดวัคซีนที่ล่าช้าในประเทศต่าง ๆ อาจจะทำให้การเปิดพรมแดนของประเทศอาจจะต้องยุติไปจนกระทั่งถึงช่วงกลางปี 2565 โดยประชากรที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกในออสเตรเลียนั้น คิดเป็นสัดส่วนเพียง 26% เมื่อเปรียบเทียบกับในสหราชอาณาจักรที่ 68.5%
ขณะที่ประเทศนิวซีแลนด์ ก็ตัดสินใจระงับมาตรการเดินทางแบบ “ทราเวล บับเบิล” กับออสเตรเลียชั่วคราวแล้ว หลังมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในออสเตรเลีย