คนไทยต้อง'ใส่หน้ากากในบ้าน'ลดแพร่โควิด19ในครอบครัว
กรมอนามัย เผยผลสำรวจอนามัยโพล พบสวมหน้ากากตลอดเวลาในบ้าน เพียงร้อยละ 20 ขอความร่วมมือให้ทุกคนในครอบครัวสวมหน้ากากเมื่ออยู่ในบ้านเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงแพร่กระจายเชื้อในครอบครัว
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นวงกว้าง ทำให้มีผู้ป่วยและเสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งจากเดิมมาตรการสวมหน้ากาก เพื่อป้องกันโควิด-19 จะเน้นปฏิบัติเมื่อออกจากบ้านหรือเดินทางไปยังที่สาธารณะที่มีผู้คนหนาแน่น แต่ปัจจุบันกลับพบผู้ติดเชื้อจากการสัมผัสสมาชิกในครอบครัว หรือเกิดกับผู้ใกล้ชิดเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับพื้นที่การแพร่ระบาดได้มีการขยายเพิ่มเช่นเดียวกัน ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และต่างจังหวัด ดังนั้น การสวมหน้ากากในบ้าน จึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นเพิ่มมากขึ้นสำหรับทุกครอบครัวในช่วงเวลานี้
จากผลการสำรวจ Anamai Event Poll โดยกรมอนามัย ประเด็น “พฤติกรรมการป้องกันโรคโควิด-19 ในบ้าน” วันที่ 19 – 28 กรกฎาคม 2564 จำนวน 1,324 คน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีความกังวลว่าคนในครอบครัวจะแพร่เชื้อ ให้คนในบ้าน ร้อยละ 75 ในขณะที่พฤติกรรมการสวมหน้ากากตลอดเวลาในบ้านทำได้ทุกครั้ง เพียงร้อยละ 20 จึงจำเป็นต้องรณรงค์การสวมหน้ากากในบ้านให้เพิ่มมากขึ้น
หากกรมอนามัยมีแผนจัดกิจกรรมสวมหน้ากากในบ้านลด โรคทั่วไทยเป็นเวลา 14 วัน ประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด มีความเห็น ที่จะเข้าร่วมกิจกรรม ร้อยละ 67 ในขณะที่ประชาชนในพื้นที่อื่น ๆ 64 จังหวัด จะเข้าร่วมกิจกรรม ร้อยละ 84 นอกจากนี้ เกี่ยวกับประเด็นการสวมหน้ากาก ผลอนามัยโพลยังพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการ สวมหน้ากากเมื่ออยู่ในบ้าน เมื่อพูดคุยกันในบ้านมากที่สุด ร้อยละ 84.9 รองลงมาคือ สวมตลอดเวลา ยกเว้นตอนกินอาหาร อาบน้ำ ดื่มน้ำ ร้อยละ 81.9 และสวมเมื่อทำกิจกรรมร่วมกันในบ้าน เช่น ดูทีวี ร้อยละ 38.6 ในขณะที่ประชาชนเห็นว่าไม่สามารถสวมหน้ากากได้เมื่อนอนห้องเดียวกัน ร้อยละ 30.1
“ขอความร่วมมือให้ทุกคนในครอบครัวสวมหน้ากากเมื่ออยู่ในบ้านเพิ่มมากขึ้น และสวมให้ถูกวิธี โดยให้ปิดจมูก ปาก คาง และกระชับกับใบหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องสวมหน้ากากเมื่อทำกิจกรรมใกล้ชิดกับสมาชิกในครอบครัว เช่น ดูทีวีร่วมกัน พูดคุยกัน เมื่ออยู่ในห้องปรับอากาศร่วมกัน และต้องสวมหน้ากาก เมื่ออยู่ใกล้ชิดกับผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยติดเตียงในบ้าน ร่วมกับพฤติกรรมการป้องกันโรคอื่น ๆ ได้แก่ เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกัน แยกการใช้อุปกรณ์ส่วนตัว ลดการออกไปสถานที่เสี่ยงนอกบ้าน หมั่นล้างมือเป็นประจำ ทำความสะอาดอุปกรณ์และบริเวณที่จับร่วมกันบ่อย ๆ เช่น ตู้เย็น ลูกบิดประตู ราวบันได โต๊ะอาหาร และให้งดการกินอาหารร่วมกันไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19ในครอบครัว”นพ.สุวรรณชัย กล่าว